GC ตอกย้ำแบรนด์ stock dividend จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บ./หุ้น

พุธ ๑๖ สิงหาคม ๒๐๐๖ ๑๐:๕๔
กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--โกลบอล คอนเน็คชั่นส์
-ให้อัตราผลตอบแทนสำหรับ 6 เดือนแรกที่ 3.7% หรือ 7.4% (ต่อปี) ชนะเงินฝาก
โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ ตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำด้าน stock dividendไม่ทำผู้ถือหุ้นผิดหวัง ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7.41%(ต่อปี) ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบัน ผู้บริหารคาดครึ่งปีหลังธุรกิจยังสดใสต่อเนื่อง เพราะสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้เข้าสู่ระบบอย่างสมบูรณ์แล้ว ทั้งทางด้านการกำกับดูแลในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน, ความผันผวนของราคาสินค้า, ลูกหนี้การค้า, อัตราดอกเบี้ย ทำให้มั่นใจสิ้นปีนี้มีอัตราการเติบโต 8-10% ตามที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้
นายสมชาย คุลีเมฆิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (GC) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 3/2549 ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2549 สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน (1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2549) ในอัตราหุ้นละ 0.10บาท (สิบสตางค์) โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2549 เวลา 12.00 น. และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่8 กันยายน 2549
"นอกเหนือจาก นโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี จะเห็นได้ว่าบริษัทฯมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยก่อนหน้านี้ได้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการของปี 2548 ที่ 0.14 บาท/หุ้น ในเดือน เมษายน 2549 คิดเป็น Dividend payout ratio ที่ 76.7% และคิดเป็น Dividend yield ที่ 6.09%(จากราคาหุ้น ณ สิ้นงวดที่ 2.30 บาท) และสำหรับในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend payout ratio ที่ 61.44% และคิดเป็น Dividend yield ที่ 7.41%(ต่อปี) (จากราคาหุ้น ณ สิ้นงวดที่ 2.7บาท) เพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุน ในด้านการเป็นหุ้นที่ให้ปันผลที่ดีต่อนักลงทุน"
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2549 บริษัทมีกำไรสุทธิ 16.14 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.08 บาท เพิ่มขึ้น 330.6% จากไตรมาส2/2548 ที่มีกำไรสุทธิ 3.74 ล้านบาท มีกำไรต่อหุ้น 0.02 บาท ส่วนงวด 6 เดือนปี 2549 มีกำไรสุทธิ 32.55 ล้านบาทกำไรต่อหุ้น 0.16 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18.05 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.12 บาท เพิ่มขึ้น 80.33%
"ไตรมาส 2/2549 กำไรสุทธิของ GC เพิ่มขึ้น 330.6% จากไตรมาส 2/2548 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานบางรายการลดลงโดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากราคาสินค้าในหน่วยธุรกิจ Commodity Polymer ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกและมียอดขายเพิ่มขึ้นจากสินค้าใหม่ในหน่วยธุรกิจ Specialty and Engineering Polymer คือ ยางสังเคราะห์ ซึ่งได้ outsource มาจากผู้ผลิตในปลายปี 2548 และเริ่มมียอดขายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2548 เป็นต้นมา”
นอกเหนือจากรายได้จากการขายที่เพิ่มสูงขึ้นราว 10.6% จากปีก่อนแล้ว บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน, การขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้marginที่สูงขึ้น, การได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้ จาก 30%ไปเป็น25% , และต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการระดมทุนในตลาดหลัก
ทรัพย์ ซึ่งทำให้บริษัทฯใช้เงินกู้ที่ลดลง จากเดิม D/E ratio ที่ 4.5:1 ปัจจุบัน เหลือเพียง 2.06:1 จึงทำให้บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังบริษัทวางแผนให้ สินค้าในกลุ่ม 1 (BU1: Commodity) ให้การเติบโตเป็นไปแบบธรรมชาติ และจะเพิ่มการจัดการด้านความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ส่วนสินค้ากลุ่ม 2และ3 (BU2:Specialty and Engineering Polymer, BU3 :Specialty Chemical) ซึ่งให้marginสูงกว่า จะทำการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ทั้งใน Market Segment เดิม และ Segment ใหม่ๆเช่นในกลุ่มยางสังเคราะห์ โดยเน้นการตลาดที่จะเข้าร่วมพัฒนาในผลิตภัณฑ์กับลูกค้า/ผู้แปรรูป เพื่อให้ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าโดยตรง และสร้างพันธมิตรทางการค้าที่ยั่งยืนให้กับบริษัทฯ
"6 เดือนแรกของปี 2549 บริษัทฯได้ขยายฐานลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 120 ราย จากฐานลูกค้าเดิมของปี 2548 ซึ่งนอกจากเป็นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้แปรรูปพลาสติกแล้ว ยังมีเปิดตลาดไปยังลูกค้าใหม่ในกลุ่มยางสังเคราะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตที่สูงและให้ผลตอบแทนที่ดี"
นายสมชายกล่าวต่อในช่วงท้ายว่า GC ได้ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของปี 2549 ประมาณ 8-10% จากปี 2548 แต่จะไม่เน้นยอดขายเพียงอย่างเดียว โดยจะให้ความสำคัญในเรื่องปัจจัยเสี่ยงและกำไรให้ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการเกี่ยวกับการการบริหารจัดการความเสี่ยงได้เข้าสู่ระบบอย่างสมบูรณ์แล้ว ทั้งทางด้านการกำกับดูแลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน, ความผันผวนของราคาสินค้ากลุ่ม1 (Commodity Polymer), ลูกหนี้การค้า, อัตราดอกเบี้ย ดังนั้นหากไม่มีผลกระทบด้านลบทุกอย่าง บริษัทฯจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ดังเช่นในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
ส่วนทิศทางของภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ แม้ภาพโดยรวมคาดว่าจะยังคงชะลอตัว แต่กลุ่มลูกค้าที่บริษัทฯดูแลอยู่ยังคงรักษาระดับอัตราการเติบโตได้ดี ดังนั้นคาดว่าทิศทางของราคาปิโตรเคมี น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงตามภาวะราคาน้ำมันจนถึงไตรมาส 4 ปีนี้ แต่คาดว่าคงจะไม่สูงไปกว่าในปัจจุบัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
คุณณัฐพงษ์ ในแกล้ว 01-4010226

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version