กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--พิตอน คอมมิวนิเคชั่น
การร่วมมือกันครั้งนี้ทำให้ทั้งสองบริษัท สามารถนำเสนอโซลูชั่นส์ของการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพสูงไปยังกลุ่มลูกค้าที่อยู่นอกเหนือเขตการให้บริการของตน โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
แปซิฟิค อินเทอร์เน็ต จำกัด (Nasdaq: PCNTF) ผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ร่วมกับ บริษัท พีซีซีดับเบิ้ลยู ฮ่องกง (PCCW-HKT) เน็ตเวิร์ค เซอร์วิส ลิมิเต็ด (PCCW) บริษัทการสื่อสารระดับแนวหน้าในภูมิภาค ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ ถึงความร่วมมือในการขยายเครือข่ายการให้บริการให้ครอบคลุมทั่วโลกร่วมกัน โดยที่ทั้งสองบริษัทฯ ไม่ต้องลงทุนเพิ่มในพื้นที่ใหม่
ภายใต้ข้อตกลงที่เกิดขึ้น ทั้งสองบริษัทจะเชื่อมต่อเครือข่าย อินเทอร์เน็ต โปรโตคอล เวอร์ช่วล ไพรเวท เน็ตเวิร์ค (Internet Protocol Virtual Private Network - IP VPN) ของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน โดยผ่านเทคโนโลยี เน็ตเวิร์ค-ทู-เน็ตเวิร์ค อินเตอร์คอนเนคชั่น (Network-to-Network Interconnection - NNI) เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการการสื่อสารทั้งในรูปของเสียง และข้อมูลบน IP ให้กับลูกค้ามากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี NNI ทำให้แปซิฟิค อินเทอร์เน็ต สามารถขยายการให้บริการ IP VPN ครอบคลุมถึง 14 ประเทศ ส่งผลให้ลูกค้าของบริษัท สามารถใช้บริการ IP VPN สำหรับติดต่อไปยังออฟฟิศต่างสาขา คู่ค้าหรือลูกค้าในเขตพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น คือ จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อินโดนีเซีย, ไต้หวัน, สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ได้อีกด้วย
ในขณะเดียวกัน PCCW ก็สามารถที่จะขยายพื้นที่การให้บริการของตนไปสู่ประเทศมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และประเทศไทยโดยใช้โครงข่ายที่มีอยู่ของแปซิฟิค อินเทอร์เน็ต
การให้บริการ IP VPN จะมีพื้นฐานอยู่บนเทคโนโลยี มัลติโปรโตคอล ลาเบล สวิตช์ชิ่ง (Multiprotocol Label Switching - MPLS) ซึ่งมีรูปแบบการให้บริการที่หลากหลายในการจัดลำดับการส่งข้อมูล ภาพ และเสียง ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดปัญหาการสื่อสารที่คับคั่งแบบคอขวด และช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของแอพพลิเคชั่นที่สำคัญ
มร.เฟ เทก โม President และ CEO ของแปซิฟิค อินเทอร์เน็ต กล่าวว่า “แปซิฟิค อินเทอร์เน็ตมุ่งมั่นที่จะขยายพื้นที่การให้บริการและฐานลูกค้าของเราให้มากขึ้น ความร่วมมือกับ PCCW ทำให้เราสามารถให้บริการลูกค้าในตลาดอื่นๆ ได้ดีขึ้น สามารถนำเสนอบริการการเชื่อมต่อที่หลากหลายกว้างไกลและสะดวกจากผู้บริการรายเดียว ที่รับประกันถึงคุณภาพของการให้บริการที่มีมาตรฐานสม่ำเสมอ ซึ่งความร่วมมือนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การให้บริการ IP Convergence ข้ามภูมิภาคแก่ลูกค้าของเรา”
มร. เฟรดเดอริค ชุย, รองประธานอาวุโส ฝ่าย อินเตอร์เนชั่นแนล โปรดักส์ ของ PCCW กล่าวว่า “ความร่วมมือกันในครั้งนี้ ทำให้เราสามารถจขยายขอบเขตการให้บริการในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เราตั้งใจที่ขยายการพื้นที่การให้บริการ VPN ของเราไปยังหลากหลายประเทศมากขึ้นผ่านเครือข่ายที่กว้างขวางของแปซิฟิค อินเทอร์เน็ต เพื่อให้บริการแบบเต็มรูปแบบกับลูกค้าที่อยู่นอกเหนือเขตการให้บริการของเรา การเป็นพันธมิตรร่วมกันในครั้งนี้ เป็นชิ้นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ของเราที่จะนำเสนอ IP Solutions ให้กับภุมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ประชากรหนาแน่นและมีอัตราการเติบโตสูง”
เกี่ยวกับบริษัท แปซิฟิค อินเทอร์เน็ต (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท แปซิฟิค อินเทอร์เน็ต (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ แปซิฟิค อินเทอร์เน็ต กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด NASDAQ และเป็นผู้ให้บริการการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตที่ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก มีสาขาอยู่ใน 7 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย อินเดีย ไทย และมาเลเซีย แปซิฟิค อินเทอร์เน็ต (ประเทศไทย) มีบริการการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตครบวงจรคุณภาพสูงสำหรับองค์กรธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่ และผู้ใช้งานตามบ้าน ข้อมูลเพิ่มเติม www.pacific.net.th
ข้อควรระวังสำหรับแถลงการณ์
แถลงการณ์ในเอกสารข่าวฉบับนี้ จัดทำขึ้นตามแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท แปซิฟิค อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ซึ่งข้อความใดในแถลงการณ์ฉบับนี้ ที่ไม่ใช่เหตุการณ์ในอดีต แต่เป็นข้อความที่เกี่ยวข้อง กับการประมาณการ กลยุทธ์ และความเชื่อต่างๆ เป็นสิ่งที่บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นกับการดำเนินงานของบริษัทฯ ในอนาคต ซึ่งจะปรากฎในรูปของคำศัพท์ที่เลือกใช้อยู่ในแถลงการณ์เหล่านี้ ได้แก่ มองหา "seek", คาดหวังว่า "expect", คาดการณ์ล่วงหน้า "anticipate", ประมาณการ "estimate", เชื่อว่า "believe", ตั้งใจ “intend”, โครงการ "project", แผนงาน "plan", กลยุทธ์“strategy", คาดคะเน "forecast" รวมถึงศัพท์อื่นๆ ที่แสดงความหมายที่คล้ายกัน หรือกริยาที่เป็นเงื่อนไขต่างๆ เช่น จะ อาจจะ “will, “would”, “should”, “could”, “may” and “might” (แต่มิได้จำกัดอยู่เพียงเท่านี้) แถลงการณ์ดังกล่าวนี้ สะท้อนให้เห็นถึง การคาดการณ์ ความเชื่อ ความหวัง ความตั้งใจ หรือกลยุทธ์ที่วางไว้ สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันของทีมผู้บริหาร อันจะมีผลเกี่ยวเนื่องกับอนาคตของบริษัทฯ โดยเป็นผลจากการสันนิษฐานบนแนวโน้มข้อมูลในปัจจุบันที่มี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวขึ้นอยู่กับจำนวนของความเสี่ยงและสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน (แต่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเท่านี้) ซึ่งประกอบไปด้วย (1) การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ กฎข้อบังคับ และสถานภาพทางการเมืองในแต่ละประเทศที่แปซิฟิค อินเทอร์เน็ตให้บริการ (2) การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของเทคโนโลยี และตลาดอินเทอร์เน็ต (3) ขีดความสามารถของแปซิฟิค อินเทอร์เน็ตในการพัฒนา และปรับปรุงสินค้าและบริการให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งจะนำเสนอต่อตลาดที่มีการแข่งขันสูง (4) ความสำเร็จจากการร่วมมือกับคู่ค้าและพันธมิตร (5) อัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะระหว่างเงินสกุลสิงคโปร์กับเงินสกุลสหรัฐ และเงินสกุลอื่นๆ ที่แปซิฟิค อินเทอร์เน็ตมีการค้า ทรัพย์สินและหนี้สินผูกพันอยู่ (6) และผลของความไม่แน่นอนทั้งหลาย ดังนั้น จากความเสี่ยงและสภาพการณ์ที่ไม่แน่นอนในตลาดการให้บริการอินเทอร์เน็ต ผลลัพท์ที่เกิดขึ้นจริง อาจจะแตกต่างไปจากที่ได้แจ้งไว้ในแถลงการณ์ฉบับนี้ แปซิฟิค อินเทอร์เน็ตสงวนสิทธิ์ในพันธะใดๆ ที่จะเกิดขึ้นจากแถลงการณ์ฉบับนี้