สำหรับ B-CHINE-EQ มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนได้จดทะเบียนในทุกตลาด กองทุนได้มอบหมายให้ อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก (Allianz Global Investors Asia Pacific Limited) เป็นผู้รับดำเนินการในต่างประเทศ (Outsourced Fund Manager) และส่วนที่เหลือ กองทุนมีทีมงานพิจารณาคัดสรรลงทุนหุ้นเอง โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่เกิน 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV)
"เศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกภายใน 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2573 ตามการคาดการณ์ของ อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ (Allianz Global Investors หรือ AGI) อันจะเป็นโอกาสการลงทุนสำคัญของนักลงทุน ขณะที่ กองทุนบัวหลวง มองว่า ตลาดหุ้นจีนแม้จะปรับตัวขึ้นมามาก และหุ้นไม่ได้มีมูลค่าถูกเหมือนก่อน ยังมีความน่าสนใจลงทุนระยะยาว ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในระดับสูงต่อเนื่องในอนาคต โดยในส่วนของกองทุน B-CHINE-EQ จะมีทีมงานกองทุนบัวหลวงคัดสรรลงทุนในหุ้นโดยตรงส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งทีมงานของเรามองว่า หุ้นจีนที่น่าสนใจในเวลานี้ ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เป็นต้น" นายพีรพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน B-CHINE-EQ 11 มีนาคม 2561 จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563 กองทุนทำผลการดำเนินงานได้ 14.77% ดีกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 5.49% และถ้าดูเฉพาะรอบปี 2563 ที่ผ่านมา กองทุนทำผลการดำเนินงานได้ 51.14% ดีกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ 31.94%
ขณะที่ ข้อมูลการลงทุนของกองทุน B-CHINE-EQ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 กองทุนลงทุนในหน่วยลงทุน Allianz China A Shares - PTUAC 40.21% ของ NAV ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Allianz Global Investors Fund - Allianz All China EQ - PT 35.14% ลงทุนในหุ้นจีนโดยตรง 13.47% ที่เหลือเป็นการลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก สินทรัพย์และหนี้สินอื่นๆ
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ที่มา: หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง