นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของบริษัท จักรไพศาล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ JAK เปิดเผยว่า รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับผลตอบรับการซื้อขายหุ้นเป็นวันแรกของ JAK ในวันที่ 18 มกราคม 2564 โดยราคาหุ้นเปิดการซื้อขายอยู่ที่ 2.26 บาท ให้ผลตอบแทนนักลงทุน 55.86% จากราคาไอพีโอที่ 1.45 บาทต่อหุ้น และราคาปรับขึ้นสูงสุดของวัน ที่ 2.36 บาท และปิดตลาดที่ 2.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 445.17 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสม ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพในการเติบโตในอนาคต และเชื่อว่า JAK จะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ
นายวีระพันธ์ จักรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จักรไพศาล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ JAK เปิดเผยว่า ราคาหุ้นในการซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) ในวันนี้ ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน คาดว่าเป็นผลจากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ และความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหารในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายหลากหลายประเภท ทั้งแนวราบและโครงการคอนโดมีเนียม ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และอาคารชุด โดยบริษัทฯ พร้อมที่จะพัฒนาศักยภาพในการเติบโตต่อไปในอนาคต เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงการ /การเข้าลงทุนในที่ดินเพื่อพัฒนา นำไปชำระคืนหนี้ธนาคาร และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับการขยายโครงการเพื่อผลักดันผลประกอบการให้มีโอกาสเติบโตได้ก้าวกระโดดในอนาคต
"ผมต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับหุ้น JAK อย่างอบอุ่น โดยการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ จะทำให้ JAK เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า และคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคง และจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน โดย JAK พร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรกของกลุ่มคนเริ่มต้นทำงานและมีงบประมาณไม่สูงในการซื้อที่อยู่อาศัย" นายวีระพันธ์ กล่าว
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า มั่นใจ JAK เป็นอีกหุ้นพื้นฐานแกร่ง ที่สามารถสร้างการเติบโตที่ดีต่อเนื่องในอนาคต โดยที่ผ่านมาอัตรากำไรขั้นต้นมีการเติบโตเฉลี่ยสูงถึงกว่า 50% ต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560 - 2562) ถือว่ามีความน่าสนใจ จากความสำเร็จในการเดินหน้าขยายโครงการและการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน JAK มีโครงการระหว่างการพัฒนาจำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมราว 1,422 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เฟิร์น เฟสที่ 2 มูลค่าโครงการ 413 ล้านบาท พัฒนาเป็นทาวน์โฮม ตั้งอยู่ที่ ทางหลวงสาย 7 (มอเตอร์เวย์) จ.ชลบุรี โครงการ Canna มูลค่าโครงการ 422 ล้านบาท พัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์ ทาวเฮ้าส์ และบ้านแฝดชั้นเดียว ตั้งอยู่ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (โรงโป๊ะ) และโครงการ Peony & Pine (รังสิต) ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพเพราะที่ดินติดรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีปลายทางบางพูน มูลค่าโครงการรวม 587 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม สูงไม่เกิน 8 ชั้น โดยทั้ง 3 โครงการ คาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จ จะเริ่มส่งมอบและทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2564 เป็นต้นไป สนับสนุนรายได้ให้เติบโตแข็งแกร่งในอนาคต
ที่มา: ไออาร์ พลัส