"หมอเบนซ์เรียนเฉพาะทางด้านเส้นผมและทำงานด้านเส้นผมมาหลายปี ประกอบกับมีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับอาจารย์ผู้ใหญ่ ทำงานกับหมอผมระดับโลก มันเป็นการเรียนรู้ที่ทำให้เราได้เห็นถึงวิธีการรักษาที่ถูกต้อง สิ่งที่หมอระดับโลกเค้าทำกันบนพื้นฐานของการรักษาอย่างมีจรรยาบรรณ เพราะฉะนั้นมาตรฐานของเราก็ต้องไม่น้อยกว่าที่เราถูกสั่งสอนมาเช่นกัน ก่อนหน้านี้คนจะติดภาพหมอผมจะต้องเป็นผู้ชาย ต้องสูงวัย ใส่แว่น ในขณะที่ชีวิตปกติเราเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายคนหนึ่ง เวลาที่คนไข้ไปหาหมอมักจะเกิดกำแพงนิดๆ ไม่กล้าบอกไม่กล้าพูดกลัวหมอจะตำหนิ เราแค่รู้สึกว่าเราเหมือนเป็นเพื่อนคนไข้ได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาที่เข้าใจยาก และก็ไม่ต้องเคร่งขรึมขนาดนั้น"
ในขณะที่ความเฟรนด์ลี่ และภาพลักษณ์ที่ดูเด็ก กลับทำให้บางครั้งทำให้เกิดปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ ซึ่งตรงนี้ "คุณหมอเบนซ์" เผยว่า "ตรงนี้ก็เป็นปัญหาใหญ่เลยนะคะ ด้วยลุคที่หมอดูหน้าเด็ก คนไข้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมักถามว่าคุณหมอจบมาแล้วกี่ปี ทำมาแล้วกี่เคส แต่สำหรับคนไข้ที่รู้จักประวัติกันมาจะไม่ได้ถามตรงจุดนี้ ซึ่งตอนเรียนจบผิวหนังมา ก็มาทำงานด้านผิวหนังอยู่ 2 ปีค่ะ ตอนนั้นคิดว่าอยากจะเรียนต่อลึกลงเฉพาะทางไปอีก ก็ยังชั่งใจอยู่ว่าจะเรียนทางศัลยกรรมผิวหนังดี หรือเรื่องของผมดี สุดท้ายก็ตัดสินใจเรียนเรื่องผมค่ะ เพราะตอนนั้นหมอทางด้านนี้น้อยมาก มีจำนวนแค่หลักหน่วยก็ว่าได้
ตอนเรียนผมนี่เรียนหนักมากค่ะ ตอนนั้นศาสตร์การปลูกผมคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่เลย แต่คนไข้ต่างประเทศเค้าทำกันมานานแล้ว เราทำปลูกผมวันละ 2 เคส คือเริ่ม 8:30 เลิกเที่ยงคืนตีหนึ่งก็มี ทำทุกวันหยุดแค่วันอาทิตย์ ชีวิตตอนนั้นคือแค่เรียน กลับไปนอน แล้วก็ตื่นมาเรียนเลยค่ะ เพราะตอนนั้นเคสต่างชาติเยอะมากๆ น่าจะเป็นช่วงชีวิตการเรียนที่หนักที่สุด แต่ก็คุ้มค่าที่สุดเช่นกันค่ะ และในส่วนเรื่องของดีกรี มันเหมือนเป็นแค่บทสรุปของเส้นทางที่เดินทางมาค่ะ ระหว่างทางนั้นเรามีคนสั่งสอนมามากมาย มีอาจารย์ มีทีมพยาบาล ทีมผู้ช่วยแพทย์ มีคนไข้ในรูปแบบต่างๆ ที่เราได้เจอ มีประสบการณ์กับหมอระดับโลก รวมถึงโอกาสในด้านงานวิชาการ คงต้องขอขอบคุณทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาโดยเฉพาะอาจารย์ของตัวเองค่ะ"
และหลังจากที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเส้นผมเมืองไทยมาอย่างยาวนาน "หมอเบนซ์-พญ.ภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ" เผยถึงปัญหาเส้นผมของคนไทยในปัจจุบันว่า "ปัญหาผมของคนไทยกว่า 90% มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านจากพันธุกรรม ซึ่งกรณีของพันธุกรรมเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เราจะพอทราบแนวโน้มว่าเรามีโอกาสจะเป็นได้มากน้อยเพียงใดโดยดูได้จากปัญหาผมของสมาชิกในครอบครัวรุ่นก่อนๆ ซึ่งความรุนแรงของแต่ละคนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพันธุกรรมที่ถูกถ่ายทอดมา ปัญหาผมจากพันธุกรรมอาจจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แต่รักษาเพื่อชะลอความรุนแรงได้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยยา แชมพู เลเซอร์ การฉีดสเต็มเซลล์ หรือท้ายที่สุดต้องอาศัยวิธีการปลูกผมเพื่อการรักษาก็ตาม"
"หมอเบนซ์" เผยทิ้งท้ายต่ออีกว่า "ผมสำหรับคนไทยถือเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ มันคือบุคลิกอย่างหนึ่ง คนที่ประสบปัญหาจะทราบดีว่ามันบั่นทอนให้เรามีปัญหาสุขภาพทางจิตได้เลย เรื่องผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านเนี่ย เวลาในการเริ่มรักษาสำคัญมากๆ เริ่มช้าผลลัพธ์การรักษาก็ลดลงไปด้วย ปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องรอให้ผมร่วงจนบางแล้วค่ะ เราสามารถเริ่มรักษาได้แต่เนิ่นๆ เลยค่ะ การปลูกผมในปัจจุบันยังถือเป็นเรื่องของการศัลยกรรม และมีความเซนซิทีฟ โดยเฉพาะในหลายๆ อาชีพ หรือแม้กระทั่งแวดวงดารา ส่วนมากคนมีชื่อเสียงก็มักไม่อยากให้ใครรู้ ถ้าไปทำงานต่อในวันรุ่งขึ้นได้ยิ่งดีค่ะ และในส่วนของผู้ที่ต้องการปกป้องสุขภาพเส้นผมวิธีการง่ายๆ เลยค่ะคือหลีกเลี่ยงสารเคมีให้มากที่สุด สระผมทำความสะอาดหนังศีรษะ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมสม่ำเสมอ"
สามารถติดตาม และปรึกษาทุกปัญหาเรื่องเส้นผมกับ "หมอเบนซ์" หรือ "พญ.ภัทรา ภิญโญภาวศุทธิ" ได้ทางFacebook : GROW & GLOW Clinic ปลูกผมถาวรโดยแพทย์เฉพาะทาง
ที่มา: จริงใจครีเอชั่น