นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศจีนถือเป็นหนึ่งประเทศที่มีกำลังซื้อมหาศาล เพราะมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ที่ประมาณ 1,400 ล้านคน ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจก็ยังเติบโตอย่างโดดเด่น โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าในปี 2564 เศรษฐกิจจีนจะเติบโตถึง 8.1% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการผลักดันและยกระดับการบริโภคภายในประเทศของรัฐบาลจีน การควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ได้อย่างดี ประกอบกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของจีนรวมถึง Internet ที่มีประสิทธิภาพได้สนับสนุนการบริโภค และการท่องเที่ยวในประเทศให้เติบโตอย่างมาก
"จากปัจจัยบวกทั้งภาวะเศรษฐกิจ จำนวนประชากร และนโยบายของรัฐบาลจีนได้หนุนให้รายได้และกำไรของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคในประเทศจีนเติบโตอย่างมาก ซึ่งไม่จำกัดเพียงแค่สินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินค้าและบริการอื่นๆ ที่เป็นส่วนเสริมคุณภาพชีวิต (สินค้าฟุ่มเฟือย) อีกด้วย เช่น รถยนต์ กระเป๋า การท่องเที่ยว ภัตตาคาร เป็นต้น โดยข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) ของสินค้าฟุ่มเฟือยในจีนที่อยู่ในดัชนี MSCI Chaina Consumer Discretionary 10/50 ในปี 2564 จะอยู่ที่ 77.86 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2562 ที่อยู่ในระดับ 40.29 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น และจะเติบโตเฉลี่ย 29% ต่อปี ไปจนถึงปี 2566" นายสาห์รัชกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ที่สนใจลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดี บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า คอนซูเมอร์ (TCHCON) ความเสี่ยงระดับ 7 (ความเสี่ยงสูง) กองทุนรวมตราสารทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในหมวดธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ประเภทสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุน Global X MSCI China Consumer Discretionary ETF (กองทุนหลัก) ที่จดทะเบียน ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE Arca, Inc.) ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เสนอขายครั้งแรก (IPO) 1 - 9 กุมภาพันธ์ 2564
สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน เช่น บริษัท NIO ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน และเป็นหนึ่งใน TOP 5 ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลก ผลิตรถยนต์พรีเมียมที่มาพร้อมกับนวัตกรรมแบตเตอรี่และระบบไร้คนขับ และยังเตรียมเปิดตัวแบตเตอรี่ที่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,000 กิโลเมตรในปีนี้ และยังมีกลยุทธ์ซื้อรถเปล่าเช่าแบตเตอรี่ ซึ่งจะทำให้ราคารถยนต์ถูกลงไปกว่า 20% โดยข้อมูลจากบริษัท NIO ระบุว่าในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งมอบรถยนต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในไตรมาส 2 ส่งมอบรถไปได้ 10,331 คัน และในไตรมาส 3 ส่งมอบได้ 12,206 คัน
อีกตัวอย่างคือ บริษัท ANTA แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของจีนมีมูลค่าตลาดสูงถึง 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่ 3 รองจาก Nike และ Adidas มีร้านค้ากว่า 12,000 ทั่วประเทศจีน ในปี 2562 มีรายได้ 33,928 ล้านหยวน เติบโต 32% (5 ปีย้อนหลัง) มีรายได้หลักจากแบรนด์ FILA ที่เน้นจับตลาดลูกค้ากลุ่มที่มีฐานะดีในจีน ฮ่องกง มาเก๊า และสิงคโปร์
พิเศษสำหรับลูกค้าที่มียอดเงินลงทุนในกองทุน TCHCON ระหว่างวันที่ 1 - 9 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งแต่ 20-29.99 ล้านบาท รับทองคำหนัก 2 สลึง และยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป รับทองคำหนัก 1 บาท (1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์)
กองทุนเปิด TCHCON ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก และอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนรวม โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนที่ได้เปิดเผยไว้ที่ www.tiscoasset.com และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds
ที่มา: ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป