ทั้งนี้ กรมรับทราบความกังวลของเจ้าหนี้ทั้งหมดของสอ.สรฟ.โดยเฉพาะประเด็นการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ซึ่งจะกลายมาเป็นภาระของสหกรณ์นั้น ๆ โดยทางกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์ ทางบัญชี หากลูกหนี้ยังชำระตามแผนได้ก็ไม่ต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากรมยืนยันว่าไม่เคยหนีปัญหา กรมยังติดตามต่อเนื่องเพื่อช่วยแก้ไขให้กับทุกฝ่ายจึงได้มีการติดตามแก้ไขมาต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จนล่าสุดสามารถที่จะประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามจับกุม นายบุญส่ง หงส์ทอง และพวก อดีตกรรมการสอ.สรฟ.ที่ทุจริต และสามารถอายัดทรัพย์ได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นผลให้ การสอ.สรฟ.จะมีสินทรัพย์และสภาพคล่องในอนาคตเพิ่มขึ้นที่จะนำมาบริหารจัดการกับหนี้สินทั้งเงินกู้และเงินฝากได้ในลำดับถัดไป สำหรับกรณีที่ 4 สหกรณ์เจ้าหนี้ได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันบ้างแล้ว ซึ่งกรมไม่ขอก้าวก่ายสิทธิในการฟ้องร้องของแต่ละสหกรณ์ แต่ในฐานะที่เป็นพี่เลี้ยงของสหกรณ์ก็ยังหวังว่าหากสามารถเจรจากันได้และให้เวลาสอ.สรฟ.ชำระหนี้ตามแผนก็คาดว่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้
ด้าน นายประกอบ เผ่าพงศ์ ผู้ตรวจราชการกรม กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมได้มีการประสานกับสอ.สรฟ.ในการให้ชำระเงินตามงวดตามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน(เอ็มโอยู) จากการที่สอ.สรฟ.จะมีรายรับประมาณเดือนละ40-50 ล้านบาท เป็นผลให้ปัจจุบัน ณ วันที่ 2 ก.พ. 2564 สอ.สรฟ.สามารถที่จะชำระเงินให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เป็นเจ้าหนี้ได้ตามแผน MOU ที่ได้ทำกันไว้ เป็นสหกรณ์เจ้าหนี้เงินฝาก จำนวน 14 แห่งและเจ้าหนี้เงินกู้ 1 แห่ง และมีสหกรณ์แห่งหนึ่งที่เป็นเจ้าหนี้ประมาณ 8 ล้านบาท คาดว่าอีก 2 เดือนจะชำระเจ้าหนี้รายนี้หมด ก็จะทำให้สอ.สรฟ.มีเงินเหลือเพิ่มขึ้นและสามารถบริหารได้มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ เป็นสัญญาณที่ดีในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยกรมส่งเสริมสหกรรณ์ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย และสหกรณ์ทั้ง 15 แห่ง จะได้นัดประชุมหารือและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันทุก ๆ 3 เดือน เพื่อติดตามสถานะทางการเงินของสอ.สรฟ.อย่างใกล้ชิดต่อไป
ที่มา: กรมส่งเสริมสหกรณ์