ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะกำกับวิทยาลัยเทคโนโลยีการเกษตรและประมง พร้อมด้วยนายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นประธานการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร (สอก.) 4 ภาค
โดยมี ดร.นพดล ปิยะตระภูมิ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นายทองอาบ บุญอาจ รักษาราชการแทน ผอ.สอก.ภาคกลาง นายประจักษ์ ทาสี ผอ.สอก.ภาคเหนือ นายพรณรงค์ วรศิลป์ ผอ.สอก.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และนายวิศวะ คงแก้ว ผอ.สอก.ภาคใต้ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อร่วมกันยกระดับบุคลากรในอาชีพด้านการเกษตร รวมทั้งผู้ที่อยู่ในคุณวุฒิการศึกษา หรือกลุ่มที่ฝึกอบรมร่วมกับ สอก. ให้มีโอกาสได้เข้าสู่การประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ มี สคช. ให้การการันตีเป็นมืออาชีพ เพื่อช่วยเพิ่มทักษะ ความเชี่ยวชาญ สร้างโอกาส และเสริมสร้างขีดความสามารถในอาชีพได้ และสามารถพัฒนาตัวเองจากเกษตรกรให้เป็นเกษตรกรตัวใหญ่ได้ด้วยการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ
ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า เป็นแนวทางที่ดีที่ สคช. มาร่วมส่งเสริมให้วิถีเกษตรก้าวไกล โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต ที่จะมีส่วนช่วยพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม อาชีพหลักของประเทศ พร้อมเข้าสู่การวัดระดับตัวเอง ได้รับการการันตีจากหน่วยงานภาครัฐ ที่จะสามารถช่วยต่อยอดในอาชีพได้ในอนาคตต่อไป รวมทั้งเป็นแนวทางการต่อยอดความร่วมมือในการจัดทำมาตรฐานอาชีพที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต เพื่อรองรับกำลังคนในอาชีพใหม่มาพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
กระทรวงศึกษาธิการต้องการที่จะยกระดับมาตรฐานบุคลากรด้านการเกษตรให้เป็นมืออาชีพ ตามนโยบายที่ต้องการจะยกระดับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี เพื่อสร้างผู้ประกอบการภาคการเกษตรให้สอดคล้องกับสังคมโลกในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะการเตรียมผลักดันและพัฒนาอาชีพ "ชลกร" ให้มีมาตรฐานในระดับสากล โดยใช้เกณฑ์การประเมินสมรรถนะของบุคลากรตามมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ ภายใต้เป้าหมายที่จะช่วยเหลือเกษตรกรรุ่นใหม่ ให้มีอาชีพ รายได้ ช่วยแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่ต้องการปฏิรูปการศึกษาโดยเน้นไปสู่ตัวผู้เรียนโดยตรง
นายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) กล่าวว่า อาชีพด้านการเกษตร เป็นอาชีพเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ การบูรณาการความร่วมมือในครั้งนี้ จะสามารถนำไปสู่การพัฒนากำลังคนด้านการเกษตรได้พร้อมกันทั้ง 4 ภาค ซึ่งสถาบันฯ พร้อมผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาคน ผลิตนวัตกรรมด้านการเกษตรใหม่ ๆ หรือสมาร์ทฟาร์ม สอดรับการปรับเปลี่ยนของโลกอนาคต ซึ่ง สอก. มีความพร้อมให้การศึกษา ขณะที่ สคช. ก็มีมาตรฐานพร้อมพัฒนาทักษะและให้การการันตีด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมสนับสนุนคนในอาชีพให้เกิดการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต Lifelong Learning
ดร.นพดล ปิยะตระภูมิ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวว่า สคช. ไม่เพียงให้การ การันตียกระดับบุคคลด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ แต่ยังหาช่องทางในการต่อยอดในอาชีพให้กับคน ทั้งการอบรม สอนแนวทางทำการตลาด รวมทั้งส่งเสริมแหล่งเงินทุนด้วยความร่วมมือกับธนาคารออมสิน และ SME D Bank ที่พร้อมพิจารณาให้สินเชื่อเพื่อมืออาชีพ ช่วยให้เกษตรกรตัวเล็กมีโอกาสเติบโตในธุรกิจเป็นเกษตรกรตัวใหญ่ได้
สำหรับบันทึกข้อตกลงทั้ง 5 ฝ่าย มีหัวใจสำคัญคือการร่วมมือกันยกระดับมาตรฐานอาชีพของบุคลากรผู้ประกอบอาชีพด้านการเกษตรที่เข้ามาศึกษาและฝึกอบรม ผลักดันให้มีการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ รวมไปถึงการผลักดันให้มีการพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น Upskill และ Reskill จากเกษตรกร สู่ผู้ประกอบการเกษตรตามมาตรฐานอาชีพ เพื่อสร้างโอกาสและขีดความสามารถในการเป็นเกษตรกรให้เป็นมืออาชีพต่อไป
ที่มา: กระทรวงศึกษาธิการ