นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยผลประกอบการงวดปี 2563 (สิ้นสุดธันวาคม 2563) บริษัทฯ มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 6,731 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 402 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยบริษัทฯ สามารถทยอยส่งมอบงานให้แก่ลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้ตามกำหนด ซึ่งถือเป็นการรักษาขีดความสามารถในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 อยู่ที่ประมาณ 6,300 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้าอีกประมาณ 60 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่เป็นที่น่าพึงพอใจเนื่องจากเติบโตกว่าเป้าที่กำหนดไว้ และเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ตอกย้ำการเป็นหุ้นที่โดดเด่นในเรื่องปันผลสูง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้น ที่จ่ายเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2563 ทำให้ในปี 2563 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.50 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 เมษายน 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 นี้
ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวว่า แม้ว่าประเทศไทยยังต้องเผชิญการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2564 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันหลายบริษัทในต่างประเทศได้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ขึ้นมาในระดับที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ และได้เริ่มถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมาให้กับประเทศไทย พร้อมทยอยส่งมอบวัคซีนมาให้คนไทยได้ฉีด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ให้สามารถพลิกกลับมาฟื้นตัวเป็นบวกได้ ประกอบกับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ การลงทุนด้านเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องเร่งดำเนินการเพื่อเสริมเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจให้เติบโตไปได้
"เราได้เตรียมความพร้อมเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะภาครัฐที่ต้องเร่งเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมตามงบประมาณปี 2564 เพื่อเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ โดย AIT ยังเน้นงานวางระบบของภาครัฐและภาคเอกชน เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญสูงโดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการให้คำปรึกษา การวางแผนงานโครงการ การออกแบบระบบ การดำเนินการติดตั้ง การฝึกอบรม และการซ่อมบำรุงรักษาแบบครบวงจร" นายศิริพงษ์ กล่าว
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย