ในการนี้ สศก. ได้ติดตามโครงการฯ ในพื้นที่การดำเนินงานจังหวัดตาก ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเครือข่ายพัฒนา โคเนื้อจังหวัดตาก ซึ่งคณะกรรมการกองทุน FTA ได้อนุมัติวงเงินยืมปลอดดอกเบี้ย 7,000,000 บาท เพื่อดำเนินการอบรมถ่ายทอดความรู้ให้แก่สมาชิก และผลิตโคก่อนขุน พบว่า จากการดำเนินโครงการในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา สามารถรับซื้อโคก่อนขุนพันธุ์ตาก จากสมาชิกและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในพื้นที่จังหวัดตาก ได้ในปริมาณ 210 ตัว และยังสามารถจำหน่ายให้กับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อล้านนาจังหวัดเชียงราย มูลค่า 2,360,250 บาท เพื่อนำไปขุนและจำหน่ายต่อไป ส่งผลสมาชิกมีแหล่งจำหน่ายและรายได้ที่แน่นอน ส่งผลให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ มีเงินทุนหมุนเวียน สำหรับรับซื้อโคก่อนขุนจากสมาชิกต่อไป
นอกจากนี้ สมาชิกยังนำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมโครงการไปใช้ในการจัดการฟาร์ม การใช้สูตรอาหารสัตว์ที่ช่วยลดต้นทุนและสามารถเพิ่มอัตราแลกเนื้อของโคได้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม พบว่า วิสาหกิจชุมชนฯ ต้องรับซื้อโคในราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการใช้สำหรับโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคของทางภาครัฐ ประกอบกับเกษตรกรบางส่วนได้หันมาสนใจการเลี้ยงโคเนื้อมากขึ้น จึงเกิดภาวะอุปสงค์ส่วนเกินสำหรับโคเนื้อมีชีวิต ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นั้น ส่งผลกระทบต่อการรับซื้อและจำหน่ายโคของวิสาหกิจชุมชนฯ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่มีแม่พันธุ์โคเป็นของตนเอง โดยวิสาหกิจชุมชนฯ ได้มีการปรับแผนการซื้อโคก่อนขุนจากสมาชิกที่อยู่ในพื้นที่มากขึ้น
"สำหรับโคเนื้อและเนื้อโค เป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าไทย - ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะเมื่อสิ้นสุดมาตรการ SSG ซึ่งส่งผลต่อการนำเข้าโคมีชีวิต เนื้อแช่แข็งและเครื่องในโคแช่แข็งมีภาษีเป็นศูนย์ โดยไม่จำกัดปริมาณการนำเข้า จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ผลักดันช่องทางการตลาดอย่างหลากหลายตามนโยบายรณรงค์บริโภคสินค้าเกษตรไทยที่มีคุณภาพ โดยร่วมกับเครือข่ายและภาคส่วนต่าง ๆ และที่สำคัญ เกษตรกรต้องรักษาคุณภาพของโคเนื้อที่ผลิตได้ตามข้อกำหนดของโครงการฯ จะสามารถยกระดับมาตรฐานและประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อ ตั้งแต่ผลิตจนถึงตลาด สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ พัฒนาระบบการซื้อขายโคใหม่ มีมาตรฐาน บริหารระบบโลจิสติกส์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และส่งเสริมผู้ทำตลาดให้สามารถแข่งขันจากต่างประเทศได้" รองเลขาธิการ สศก. กล่าว
ทั้งนี้ กองทุน FTA มุ่งหวังให้เกษตรกรมีการพัฒนาขีดความสามารถ และมีศักยภาพในการแข่งขันทั้งการผลิตและการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเกษตรกรได้มีความมั่นคงในอาชีพทางการเกษตร โดยยินดีให้คำแนะนำปรึกษาแก่กลุ่มเกษตรกร หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีข้อเสนอโครงการต่างๆ เพื่อร่วมกันพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรไทย โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2561 4727 หรือ อีเมล [email protected]
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร