นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตจัดจำหน่าย และให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ดำเนินการย้ายหลักทรัพย์ QTC จากตลาดหลักทรัพย์ mai ไปเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่สนใจเข้ามาถือหุ้นของ QTC โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการย้ายเข้า SET ได้ภายในปีนี้
"ตลอดระยะเวลาที่ได้เป็นสมาชิกในตลาด mai กว่า 10 ปี บริษัทฯมีความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจทุกด้านทั้งการลงทุน การให้บริการใหม่ๆ เพื่อต่อยอดและขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน และการย้ายเข้าซื้อขายใน SET เป็นการเพิ่มโอกาสด้านการลงทุนในอนาคตได้มากยิ่งขึ้น"
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2564 นี้ แม้สถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศยังคงชะลอตัว ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 แต่ในฐานะบริษัทผู้ประกอบการเอกชน ก็ยังต้องปรับกลยุทธ์ภายในองค์กรเพื่อตั้งรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้เรื่องการขยายธุรกิจนั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงานเพื่อสามารถต่อยอดกับธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งแผนการลงทุน บริษัทฯ จะคำนึงถึงผลตอบแทน ROE จะต้องไม่ต่ำกว่า10% ถึงจะคุ้มค่ากับการลงทุน และบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างศึกษาโครงการลงทุนอื่นๆ อีก
พร้อมกันนี้ บริษัทฯวางแผนเชิงรุกในการเจาะตลาดธุรกิจเทรดดิ้ง ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ ให้กับ LONGI Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter รวมไปถึงการจำหน่าย DE BUSDUCT ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมที่ระดับ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 900 ล้านบาท และธุรกิจเทรดดิ้ง 300 ล้านบาท โดยล่าสุดบริษัทฯมียอดขายต่อเนื่องจากปีก่อนจนถึงปัจจุบันกว่า 400 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายหม้อแปลงไฟฟ้าต่างประเทศ จำนวน 240 ล้านบาท ยอดขายหม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศ จำนวน 135 ล้านบาท และจากเทรดดิ้ง จำนวน 25 ล้านบาท อีกทั้งยังมีแผนการเข้าประมูลงานการไฟฟ้าภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาท บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าจะได้งานไม่น้อยกว่า 10% ของมูลค่างาน ซึ่งคาดว่าจะทยอยประกาศผลออกมาในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด ปี 2563 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,037.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.57 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 983.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.45% และมีกำไรสุทธิ จำนวน 157.53 ล้านบาท เนื่องจากได้วางกลยุทธ์การตลาดในธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า และ ธุรกิจเทรดดิ้ง ในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความต้องการซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น และยังรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าของ บริษัท คิวโซลาร์ 1 จำกัด ขนาด 8.6 MW ที่ปราจีนบุรีเข้ามาด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีมติเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 5 เดือน พฤษภาคม 2564 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 30 เดือน เมษายน 2564 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลในวันที่ 19 เดือน พฤษภาคม 2564
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์