นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการเรือขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ ผ่านทางเรือทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้แก่ผู้ประกอบการค้าน้ำมันเป็นหลัก เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน คิดเป็นอัตราร้อยละ 4.51 เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มกลับมาฟื้นตัว เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้แนวโน้มการขนส่งน้ำมันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ประกอบกับ การขนส่งระหว่างประเทศเริ่มกลับมาคึกคักหลังจากที่ดีมานด์ความต้องการน้ำมันปาล์มในประเทศจีนมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น
" ปี 63 VL มีรายได้จากการให้บริการขนส่งทางทะเลในประเทศ (น้ำมันดิบ น้ำมันใส น้ำมันเตา และน้ำมันหล่อลื่น) อยู่ที่ 409 ล้านบาท ในขณะที่ การให้บริการขนส่งทางทะเลในต่างประเทศ (น้ำมันปาล์ม น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันใส) อยู่ที่ 238 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์เพื่อบริหารจัดการต้นทุนค่าด้านการขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสอดรับกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เกิดขึ้น ซึ่งจากแผนดังกล่าวส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยทั้งปีลดลง 9.27% รวมถึงในช่วงปี 2563 บริษัทฯมีเรือลำใหม่เพิ่ม 1 ลำ (VL.22) ขนาด 2,874 เดทเวทตัน (DTW) ส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการขนส่งเพิ่มขึ้น ส่วน ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 บริษัทฯ มีรายได้ 154 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.94 จากไตรมาสก่อน ที่มีรายได้สุทธิ 172 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 19 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
" ในปีที่ผ่านมาถือเป็นที่มีความท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจให้เกิดการชะลอตัวเป็นวงกว้างออกไป แต่ VL ยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังของปี 2563 ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว ทำให้การให้บริการขนส่งน้ำมันในประเทศเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ขณะที่การให้บริการเรือขนส่งน้ำมันปาล์มระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจีนยังมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิของ VL มีการปรับตัวที่ดี รวมทั้งการบริหารต้นทุนและผลของการปรับการให้บริการมาขนส่งน้ำมันปาล์มที่มีอัตรากำไรสูงกว่าเรือขนส่งน้ำมันดิบทำให้สร้างผลการดำเนินงานให้มีการเติบโตอย่างมั่นคง "
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรของปี 2563 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น สุทธิจากเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท คงเหลือจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 11 มีนาคม 2564 (Record Date) และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 ทั้งนี้ สิทธิในการได้รับเงินปันผลดังกล่าวจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมติอนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญใหม่ของบริษัทฯ หรือ VL-W1 โดยไม่คิดมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในสัดส่วน 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวนไม่เกิน 400 ล้านหน่วย และราคาใช้สิทธิที่ 0.5 บาท ต่อหุ้น โดยวอร์แรนต์ดังกล่าวมีอายุ 2 ปี และสามารถเริ่มใช้สิทธิได้หลังครบ 6 เดือน นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (เริ่มใช้สิทธิครั้งแรกได้ประมาณในเดือน ตุลาคม 2564) ทั้งนี้ มติดังกล่าวจะนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 22 เมษายน 2564 นี้ เป็นลำดับถัดไป สำหรับวัตถุประสงค์ของการแจกวอร์แรนต์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจเพิ่ม และช่วยเสริมฐานเงินทุนให้แข็งแกร่งสำหรับการดำเนินงานในอนาคต
อีกทั้ง ยังได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 200 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 400 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 600 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (VL-W1)
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์