นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานแรงรับข่าวอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) พุ่งขึ้นทะลุ 1.4% ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้คาดไว้ก่อนหน้านี้
โดยดัชนี S&P500 ได้ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดประมาณ 3% ขณะที่ดัชนี NASDAQ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวลดลงถึงเกือบ 7% ซึ่งภาพการลงทุนหลังจากนี้ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้คาดว่า ในช่วงกลางปีนี้มีโอกาสที่ Bond yield สหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-30 Basis Points (BPS) ไปอยู่ที่ 1.6-1.8% ซึ่งจะกดดันหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นทั่วโลกให้ปรับฐานลงได้ในระยะสั้น
"TISCO ESU ประเมินว่า Bond yield สหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อในไตรมาส 2 จาก 4 ปัจจัยคือ 1. เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นหลังการผ่อนคลาย Lockdown 2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะผ่านสภาในช่วงกลางเดือนมีนาคม 3. อัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นแรงเนื่องจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว และ 4. ความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มสื่อสารถึงการลดการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE taper) เพื่อส่งสัญญาณให้ตลาดรับรู้ก่อนที่จะดำเนินการจริงในปีหน้า" นายคมศรกล่าว
ทั้งนี้ จากการประเมินโดยวิธี Earning yield gap (EYG) หรือส่วนต่างระหว่าง Earning Yield (กำไรต่อหุ้นหารด้วยราคาหุ้น) เทียบกับ Bond yield 10 ปีของสหรัฐฯ นั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้คาดว่า Bond yield ที่เพิ่มขึ้นทุก 10bps จะกดดันมูลค่า (Valuation) ของดัชนี S&P500 ให้ลดลงประมาณ 2% ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสปรับตัวลดลง (Downside) อีกประมาณ 5-7% จากระดับปัจจุบัน
นายคมศรกล่าวอีกว่า สิ่งที่นักลงทุนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการปรับฐานลงของหุ้นทั่วโลกในครั้งนี้ คือ ราคาหุ้นเทคโนโลยีจะผันผวนมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ เพราะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มหุ้นเติบโตนั้น จะได้รับผลกระทบจากกระแสเงินสดที่จะเติบโตลดลงตามอัตราดอกเบี้ยที่พลิกกลับมาเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุด ดังนั้น ในปีนี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาจไม่ได้เป็นผู้นำตลาดเหมือนในปีที่แล้ว และยังกลับกลายมาเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาด นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Bond yield
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า ตลาดหุ้นจะกลับมาขึ้นต่อได้ในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจาก คาดว่า Bond yield จะเริ่มทรงตัวที่ระดับต่ำกว่า 2% ซึ่งทำให้แรงกดดันต่อ Valuation ของหุ้นลดลง ในขณะที่การทยอยผ่อนคลาย Lockdown และเศรษฐกิจที่เริ่มกลับสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งหลังของปี จะเป็นแรงผลักดันให้ตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้นตามผลประกอบการที่เติบโตสูงอีกครั้ง ดังนั้น จึงแนะนำให้ใช้โอกาสที่ตลาดปรับฐานเข้าสะสมหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cyclicals) รวมถึงหุ้นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets) ซึ่งน่าจะยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี
ที่มา: ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป