ในขณะที่ภาคบริการได้ประโยชน์จาก Pent-up Demand และ Dollar แข็งค่าระยะยาว การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหหรียญฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 8.9% ของ GDP สหรัฐฯในปี 2019 จะส่งผลให้ อุตสาหกรรมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการได้ประโยชน์ (เช่นเดียวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบก่อน) แต่ในครั้งนี้ธุรกิจภาคบริการที่มี Pent-up Demand จะมีแรงกระตุ้นให้ฟื้นได้เร็ว เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย ต่างจากครั้งก่อนที่อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการเว้นระยะห่าง (WFH) ของตกแต่งบ้าน สินค้า IT ที่ได้ประโยชน์มากกว่า โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาด ส่งผลให้ Dollar ระยะกลาง-ยาวมีทิศทาง แข็งค่า แต่ในระยะสั้น จากวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่เม็ดเงินค่อนข้างสูง อาจส่งผลให้ Dollar อ่อนค่าชั่วคราว
กลุ่มหุ้นไทยที่ได้ประโยชน์ในระยะกลาง-ยาว 1) BANK: ยังเป็นหุ้นกลุ่มหลักในฐานะหุ้นวัฎจักรที่ได้อานิสงค์บวกจากภาวะ Reflation อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2) ENERGY PETRO: ทิศทางราคา Commodity โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดิบจะตอบรับเชิงบวกจากปัจจัยด้านอุปสงค์ 3) SERVICES (TOURISM, TRANS): หุ้นกลุ่มบริการที่โดนผลกระทบอย่างหนักในช่วงวิกฤต COVID-19 น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว จาก Pent-up Demand ที่จะกลับมาได้แรงกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบก่อนๆ เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ปัจจุบันเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการกระจายวัคซีนที่เร็วกว่าคาด 4) EXPORT (Electronics Food IE Packaging): หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ได้ประโยชน์ จากแนวโน้ม Dollar ที่เจอจุดต่ำสุด และเข้าสู่รอบการแข็งค่าในระยะยาว
ที่มา: บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)