กองทุน SCBGTTG มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วโลก อาทิเช่น หน่วย CIS หน่วยของกองทุนอีทีเอฟ (ETF) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือหน่วย private equity เป็นต้น โดยจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม รวมทั้งกองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในธีมตาม Mega Trend หลัก ๆ ของโลก ได้แก่ 1) Travel Tech จากการเปิดเมืองที่อาจเกิดเร็วขึ้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว 2) Semiconductors เนื่องจากความต้องการชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีมากกว่ากำลังการผลิตในปัจจุบัน จึงเพิ่มโอกาสให้อุตสาหกรรมเติบโตได้ 3) Cloud Computing ซึ่งเกิดจากความต้องการใช้งาน software และ application ที่สูงขึ้นจากวิถี new normal 4) Gaming & Esports เกิดจากจำนวนผู้เล่นและใช้งานเกมออนไลน์ และเครื่องเล่นเกมที่เติบโตมากขึ้นจากการอยู่บ้านในช่วงที่ผ่านมา 5) Clean Energy ซึ่งรัฐบาลทั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯ, จีน และสหภาพยุโรป ตื่นตัวและส่งเสริมให้ใช้พลังงานทดแทน 6) Genomic Revolution นวัตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถรักษาได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 7) Fintech Innovation นวัตกรรมทางการเงินที่ทำให้ธุรกรรมสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น 8) Smart Mobility เทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคต และ 9) Cybersecurity เทคโนโลยีความปลอดภัยของข้อมูล ที่มีการจัดเก็บในระบบ online มากขึ้นในปัจจุบัน
สำหรับเงื่อนไขการทริกเกอร์แบ่งเป็น 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ในกรณีที่หาก ณ วันทำการใดก็ตามเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.40 บาทต่อหน่วย บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเพียงครั้งเดียวนับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินของโครงการเป็นกองทุนรวม และครั้งที่ 2 ในกรณีเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุน โดยหาก ณ วันทำการใดก็ตามเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.81 บาทต่อหน่วย บริษัทจัดการจะพิจารณารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในอัตราไม่ต่ำกว่า 10.80 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และจะชำระเงินค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติภายใน 5 วันทำการนับแต่วันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ โดยบริษัทจัดการขอสงวนสิทธินำเงินไปลงทุนต่อยังกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นหรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทจัดการ
อย่างไรก็ตาม หากครบกำหนดระยะเวลา 8 เดือนนับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินของโครงการเป็นกองทุนรวมแล้ว ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น บริษัทจัดการจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการซื้อขายหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการกำหนด จนกว่าจะเข้าเงื่อนไขการเลิกกองตามเงื่อนไขที่ระบุไว้
นายณรงค์ศักดิ กล่าวว่า การลงทุนในธีม Mega Trend ถือว่าเป็นอีกหนึ่งธีมที่น่าสนใจซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จาก New Normal และ Disruption เนื่องจากปัจจุบันผู้คนทั่วโลกต่างก็ได้ปรับการใช้ชีวิตในรูปแบบ New Normal หลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่นี้เองจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ Mega Trend เติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนระหว่างทาง กองทุนทริกเกอร์นับว่าเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์อีกกองทุนหนึ่งเช่นกัน
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนทำการลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือ https://scbam.info/30XszUP สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click ได้ที่ https://scbam.link/scbam_fund_click
ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์