ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ทางบริษัทจัดจำหน่ายได้ทำเรื่องขออนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย.) โดยเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ เพื่อนำไปให้บริการหรือเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ในกรณีที่ไม่ต้องการรอวัคซีนของรัฐบาล แต่ต้องการฉีดและพร้อมจะจ่ายเงินเอง และกลุ่มคนต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย (Expat) โดยคาดว่าดำเนินการให้บริการได้ในช่วงกลางปีนี้
"จากการปรึกษากับโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ จะมีการรวมตัวกันสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทหนึ่งจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ตรงกับยี่ห้อที่รัฐบาลสั่งซื้อเข้ามาฉีดในขณะนี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ประชาชน ในส่วนของโรงพยาบาลลาดพร้าว ได้ติดต่อกับบริษัทยาเรียบร้อยแล้ว อาจจะล่าช้าเล็กน้อย เนื่องจากต้องขออนุญาตจากอย. คาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 3 เดือน อย่างไรก็ดี มองว่า เรามีลูกค้าสนใจที่จะฉีดวัคซีนอยู่แล้ว ส่วนราคาต้องพิจารณาจากต้นทุนยาที่จะนำเข้ามา" ดร.อังกูร กล่าว
ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งมีความเคลื่อนไหวในการเตรียมนำเข้าวัคซีนโควิด-19 รวมถึงสั่งซื้อจากองค์การเภสัชฯ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่ไม่อยากรอวัคซีนจากรัฐบาลแต่ต้องการฉีดโดยพร้อมจะจ่ายเงินเอง ซึ่งการที่โรงพยาบาลเอกชนร่วมนำวัคซีนมาให้บริการกับประชาชน นอกจากจะช่วยเร่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยฟื้นเรื่องของการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องจักรที่สำคัญ และเศรษฐกิจในภาพรวมให้ดีขึ้นด้วย
ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ มองว่าจะสามารถควบคุมได้ และโรงพยาบาลเอกชนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยปัจจุบันทางโรงพยาบาลฯ เน้นไปที่เรื่องของการให้บริการตรวจคัดกรองเป็นหลักโดยมีให้บริการโปรแกรมการตรวจคัดกรองโรคหาภูมิคุ้มกันโควิด-19 รองรับบริการ ล่าสุดได้สั่งรถตรวจคัดกรองโควิดนอกสถานที่จำนวน 1 คัน และสามารถรับฟังผลตรวจได้เลย สำหรับสถานประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อใช้บริการของโรงพยาบาลลาดพร้าวได้
สำหรับแนวโน้มผลประกอบในช่วงไตรมาส 1/2564 ประเมินว่าดีกว่าไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เนื่องจากปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สถานการณ์ขณะนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยนอก (OPD) เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางโรงพยาบาลลาดพร้าว ได้เพิ่มแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเกิดความเชื่อมั่นในการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในราคาที่เหมาะสม ขณะที่การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง คาดว่าโครงสร้างหลักจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 ทำให้ปัญหาการจราจรเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ และอำนวยความสะดวกในการเข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลได้ง่ายยิ่งขึ้น
ที่มา: ไออาร์ พลัส