"ครูกัลยา" ห่วงนักเรียนถูกราดซีม่า สั่งเร่งสอบข้อเท็จจริง เตรียมส่งคณะทำงานลงพื้นที่เยี่ยมเด็กพร้อมให้กำลังใจครอบครัว

ศุกร์ ๒๖ มีนาคม ๒๐๒๑ ๑๐:๕๑
นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อมูลปรากฏเป็นข่าวกรณีที่นักเรียนพี่เลี้ยงชั้น ป.5 และชั้น ม.4 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 37 ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เขาพนม จังหวัดกระบี่ ได้ใช้ยาซีม่าราดตามตัวเด็กชายภูผา บุตรชายนางจินตนา มาชะอุ้ม วัย 9 ขวบ ชั้น ป.2 ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยผิวหนังเกิดรอยไหม้ และมารดาของเด็กได้มารับตัวไปรักษาตัวที่ รพ.เขาพนม ในวันที่ 23 มี.ค. 2564 หลังจากเหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับทราบเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้แสดงความห่วงใยมายังเด็กชายภูผาและครอบครัว และสั่งให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงจากผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย และรายงานผลการสอบสวนมายังหน่วยงานต้นสังกัดโดยเร็ว พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปยังจังหวัดกระบี่ เพื่อไปเยี่ยมนักเรียนคนดังกล่าวพร้อมให้กำลังใจกับครอบครัวที่ประสบเหตุ

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อว่าตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับนายศักดิ์ชัย สุวรรณคต ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 37 เพื่อสอบถามเบื้องต้นถึงเหตุการณ์ดังกล่าวทราบว่าโรงเรียนอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และจะมีบทลงโทษไปตามกฎระเบียบของโรงเรียนต่อไป ทั้งนี้คุณหญิงกัลยาได้กำชับให้โรงเรียนทุกโรงเรียนเพิ่มมาตรการในการดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงเพิ่มความรัดกุมในการตรวจตรา ตรวจสอบ โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีลักษณะเป็นโรงเรียนกินอยู่ประจำที่มีนักเรียนพักค้างในโรงเรียนอยู่ร่วมกันทุกชั้นปี ที่สำคัญคือต้องไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

"ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ขอส่งกำลังใจให้น้องภูผาและครอบครัวและขอให้น้องหายป่วยโดยเร็ว และอยากเรียนทุกท่านให้ทราบว่าคุณหญิงกัลยา ในฐานะที่กำกับดูแลโรงเรียนราชประชานุเคราะห์มีความห่วงใยในปัญหาที่เกิดขึ้น และกำชับผู้เกี่ยวข้องให้เร่งสอบสวนข้อเท็จจริง โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงต้องไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นอีกในสถานศึกษาทุกแห่งภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้หากผลการสอบข้อเท็จจริงพบว่าคุณครู หรือนักเรียนพี่เลี้ยงมีข้อบกพร่องหรือมีความผิดพลาดในการดูแล ก็ให้โรงเรียนใช้มาตรการในการตักเตือนหรือลงโทษตามระเบียบ ข้อบังคับของทางโรงเรียนหรือทางราชการต่อไป ส่วนในกรณีของคดีความหากผู้ปกครองต้องการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องก็ถือเป็นสิทธิ และสามารถดำเนินการได้ภายใต้กระบวนการทางกฎหมาย" นางดรุณวรรณ กล่าว

ที่มา: กระทรวงศึกษาธิการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ