การคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศพิจารณาจากระดับของการรองรับความเสี่ยง ณ อันดับเครดิตปัจจุบัน (rating headroom) และแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย การปรับอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำเป็นผลมาจากที่ฟิทช์ได้ทบทวนโอกาสที่ทางการจะให้การช่วยเหลือสนับสนุนต่อธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินในประเทศไทย โดยความผันผวนของตลาดการเงินในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาส่งผลให้เงินฝากไหลเข้าไปยังธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งซึ่งสนับสนุนมุมมองของฟิทช์ต่อระดับความสำคัญของธนาคารเหล่านี้ที่มีต่อระบบ การปรับอันดับเครดิตในครั้งนี้สอดคล้องกับวิธีที่ฟิทช์ใช้กับธนาคารอื่นๆที่มีขนาดใกล้เคียงกันในกลุ่มประเทศเอเชียที่เป็นตลาดเกิดใหม่ ทั้งนี้ SCB เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดด้านเงินฝากที่ 15% ณ สิ้นปี 2563
รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดได้แสดงไว้ในส่วนท้าย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตภายในประเทศของ SCB พิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคารเอง (ซึ่งสะท้อนโดยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน) ในขณะเดียวกันอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำช่วยจำกัดความเสี่ยงจากการถูกปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารในกรณีที่ความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารปรับตัวต่ำลง โดยที่ปัจจัยที่สนับสนุนอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำไม่ได้มีการปรับตัวลดลง นอกจากนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ SCB ยังรวมการพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารในเชิงเปรียบเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศ
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ SCB ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวนับเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นสะท้อนถึงการประเมินของฟิทช์ด้านโครงสร้างการระดมทุนและสภาพคล่องของธนาคารที่ระดับ 'bbb'
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต - อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCB สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันในฐานะหนึ่งในธนาคารชั้นนำของประเทศไทย SCB ดำเนินธุรกิจธนาคารแบบครบวงจรโดยมีความแข็งแกร่งทางการตลาดในหลายผลิตภัณฑ์ เช่น สินเชื่อรายย่อย บริการธุรกรรมทางการเงิน (transactional banking) และธุรกิจจัดการกองทุน อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินยังสะท้อนถึงแรงกดดันต่อกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในปี 2563 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะค่อนข้างช้าในช่วงปี 2564-2565
ฟิทช์คาดว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพน่าจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2564 โดยเฉพาะในช่วงหลังจากที่มาตรการผ่อนปรนเริ่มจะหมดอายุลงและอาจจะเริ่มทรงตัวได้ในปี 2565 ธนาคารได้มีการตั้งค่าใช้จ่ายเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับสูงในปี 2562-2563 (โดยคิดเป็นสัดส่วนที่กว่า 50% ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้ง 2 ปี) ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่าค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงอยู่ในปี 2564-2565 เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในอดีต แนวโน้มของค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญจะเป็นปัจจัยที่สำคัญต่ออัตรากำไรของธนาคารซึ่งอาจปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 แรงกดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิน่าจะยังคงมีต่อเนื่องจากสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำแต่อาจถูกลดทอนได้จากปริมาณธุรกิจที่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างในปี 2565 เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนในอัตราและทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม SCB ยังคงมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง ณ ระดับอันดับเครดิตปัจจุบัน ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ที่ 17.1% (ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารในกลุ่มเดียวกัน) และยังมีระดับอัตราสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ 135% ณ สิ้นปี 2563 นอกจากนี้การระดมเงินทุนและสภาพคล่องของ SCB ยังคงมีเสถียรภาพแม้ต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนจากฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยและสัดส่วนบัญชีฝากกระแสรายวันและบัญชีออมทรัพย์ที่สูง (ซึ่งคิดเป็น 77% ของเงินฝาก)
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต - อันดับเครดิตสนับสนุน (Support Rating) และ อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ
ฟิทช์พิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ SCB จากการมองว่าธนาคารมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสสูงขึ้นที่รัฐบาลจะให้การช่วยเหลือสนับสนุนแก่ธนาคาร SCB มีประวัติยาวนานในฐานะหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและได้รับการกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 5 ธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบภายในประเทศ (D-SIB) ธนาคารมีการเพิ่มขึ้นอย่างมากของเงินฝากถึง 12.1% ในปี 2563 ซึ่งสะท้อนถึงฐานะการเป็นสถาบันการเงินที่มีความปลอดภัยรายหนึ่งในประเทศและเป็นหลักฐานสนับสนุนถึงความสำคัญของธนาคารต่อระบบ การพิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของฟิทช์รวมถึงมุมมองว่าทางการไม่น่าจะมีการออกกฎหมายเพิ่มเติมที่สนับสนุนให้มีการบังคับตัดหนี้สูญสำหรับเจ้าหนี้หรือผู้ถือตราสารไม่ด้อยสิทธิ (resolution framework)ในระยะยาว อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำยังสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของรัฐบาลไทยในการให้การสนับสนุนแก่ธนาคารซึ่งสะท้อนโดยอันดับเครดิตของประเทศที่ BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต - อันดับเครดิตบริษัทลูก
การประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศของ SCBS สอดคล้องกับการคงอันดับเครดิตของธนาคารแม่ (ซึ่งคือ SCB) ฟิทช์มองว่า SCBS มีสถานะเป็นบริษัทลูกที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ SCB ซึ่งสะท้อนได้จากการใช้ชื่อและเครื่องหมายทางการค้าร่วมกัน การถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทลูกของธนาคารแม่ และการผสานการดำเนินงานและบริหารงานกันอย่างใกล้ชิดมากกับธนาคารแม่ ทั้งนี้การจัดอันดับเครดิตในระดับที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของ SCB อยู่ 1 อันดับ สะท้อนถึงขนาดของธุรกิจที่เล็กของ SCBS ในฐานะที่เป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารและมีส่วนช่วยในการสร้างกำไรให้แก่กลุ่มที่ค่อนข้างจำกัด
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต - อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ SCB อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ หรือ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการเปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ SCB ยังได้รวมถึงการพิจารณาโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำพร้อมกันจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน อันดับเครดิตภายในประเทศอาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น 'AA(tha)' หากฟิทช์มองว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นในประเทศ
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต - อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCB อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'bbb+' หากอัตราส่วนด้านผลกำไรและด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารปรับตัวดีขึ้นมาสอดคล้องกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตสูงกว่าและอยู่ในสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่คล้ายกัน ในกรณีที่จะมีการปรับอันดับเครดิตเพิ่มสูงขึ้น ฟิทช์มองว่าเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของธนาคารและการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ด้วยความสำเร็จน่าจะช่วยส่งเสริมให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าภาคการธนาคารโดยรวมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวสูงกว่า 2.5% (2563: 1.5%) และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่ต่ำกว่า 3% (2563: 4.5%) โดยที่ยังคงความสามารถในการรองรับความเสี่ยง เช่น การมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่สูงกว่า 16%
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับความแข็งแกร่งของ SCB อาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น 'bbb-' หากฐานะเงินกองทุนของธนาคารปรับตัวด้อยลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคาดการณ์ของฟิทช์อย่างมากซึ่งสะท้อนได้โดยการปรับลดคะแนนอย่างมีนัยสำคัญสำหรับปัจจัยในการพิจารณาอันดับเครดิตหลายๆปัจจัย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ปรับตัวแย่ลงอย่างมาก เช่น การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมสูงกว่า 6% และมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ด้อยลง เช่น มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่ต่ำกว่า 13 % รวมทั้งอัตราส่วนสำรองหนี้เสียต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพต่ำกว่า 120% (2563: 135.3%)
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต - อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย อาจบ่งชี้ได้ว่ารัฐบาลมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนธนาคารในประเทศ (รวมถึง SCB) อย่างไรก็ตามการพิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำต้องคำนึงถึงการที่โอกาสในการให้การสนับสนุนธนาคารว่าจะยังคงอยู่ในระดับเดิม หากอันดับเครดิตของประเทศไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลง การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ SCB ก็ไม่น่าที่จะเกิดขึ้น
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำอาจถูกปรับลดอันดับหากฟิทช์เชื่อว่าความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารนั้นลดลง เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรับลดอันดับ นอกจากนี้การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดขึ้นได้หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ SCB ลดลง เช่น จากการลดลงของระดับความสำคัญของธนาคารที่มีต่อระบบอย่างมีนัยสำคัญ หรือการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่ทางการจะลดโอกาสการให้ความช่วยเหลือแก่ธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบเช่น SCB ในระยะปานกลาง
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต - อันดับเครดิตบริษัทลูกและบริษัทย่อย
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCB จะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของ SCBS นอกจากนี้ฟิทช์อาจปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของ SCBS หาก SCB แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกที่เพิ่มขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหาก SCBS มีนัยสำคัญมากขึ้นต่อธุรกิจของ SCB
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของ SCB น่าจะส่งผลในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของ SCBS นอกจากนี้อันดับเครดิตของ SCBS อาจถูกปรับลดอันดับได้หากโอกาสที่ SCB จะให้การสนับสนุนแก่ SCBS ปรับตัวลดลง เช่น การลดสัดส่วนการถือหุ้นและการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าโอกาสในการให้การสนับสนุนจะมีการเปลี่ยนแปลงในระยะปานกลาง
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ SCBS มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของ SCB
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
SCB:
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'BBB'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F3'
- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ 'bbb'
- อันดับเครดิตสนับสนุน คงอันดับที่ '2'
- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ ปรับเป็น 'BBB' จาก 'BBB-'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA+(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)'
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'BBB'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'AA+(tha)'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'F1+(tha)'
SCBS:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)'
ที่มา: ฟิทช์ เรทติ้งส์