สำหรับ JLab Talk GO เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานเริ่มต้นทำพอดแคสต์,สตรีมมิ่งเกมแต่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีในการใช้งาน JLab Talk GO เป็นไมโครโฟนแบบคอนเดนเซอร์ที่มีภาค รับเสียง 2 ชุด ที่ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 130 กรัมเท่านั้น ช่วยให้พกพาไปใช้งานได้สะดวกทุกที่ แต่อัดแน่นด้วยคุณภาพเสียงเกินตัว ทั้งความคมชัดและรายละเอียดของเสียง โดยรองรับคุณภาพการบันทึกที่ระดับ 24 bit และสามารถให้ Sampling Rate ในการบันทึกเสียงสูงถึง 96k ทั้งยังมาพร้อมโหมดการรับเสียงสองแบบในโมโครโฟนตัวเดียวคือ Cardioid (รับเสียงจากหน้าหน้า) และ Omni (รับเสียงรอบทิศทาง) ทำให้สามารถจะปรับเสียงให้เหมาะกับงานได้ทันที ทั้งการสตรีมมิ่ง พอดแคสต์ และการสนทนาบนเว็บ นอกจากนี้ ยังช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างลง จึงทำให้ได้ยินเสียงอย่างชัดเจน รวมถึงมีช่องเสียงหูฟัง 3.5 mm และปุ่มควบคุมเสียงที่ไมโครโฟน พร้อมสาย USB-C ทำให้สามารถใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac โดย JLab Talk Go วางจำหน่ายในราคา 2,690บาท
ขณะที่ JLab Talk เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่เริ่มมี Home studio ในการทำงานต้องการประสิทภาพของเสียงที่ดียิ่งขึ้นรวมถึงรองรับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น JLab Talk เป็นไมโครโฟนแบบคอนเดนเซอร์ ที่มีภาครับเสียง 3 ชุด ที่มาพร้อมฟีเจอร์การปรับรูปแบบการรับเสียงได้ 4 แบบ ไม่ว่าจะเป็นรับเสียงจากด้านหน้า (Cardioid), รอบทิศทาง (omni), แบบสเตอริโอ(stereo)และแบบ 2 ทิศทาง (bi-directional) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจะสลับโหมดการรับเสียงไปมาตามได้สถานการณ์ที่ต้องการใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมมิ่งเล่นเกม พอดคาสต์ หรือแม้กระทั่งอัดเสียงสัมภาษณ์ ทั้งยังให้คุณภาพเสียงที่คมชัดและละเอียดระดับ 24 bit นอกจากนี้ ยังสามารถให้ Sampling Rate ในการบันทึกเสียงสูงถึง 96k โดยมาพร้อมปุ่มควบคุมระดับการรับเสียงที่ตัวไมโครโฟน ทำให้สามารถควบคุมทุกอย่างได้ตามใจชอบ ที่สำคัญมีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 mm และสาย USB-C ทำให้สามารถใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac ได้อย่างง่ายดาย โดย JLab Talk วางจำหน่ายในราคา 4,590บาท
สำหรับ JLab TalkPRO เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการคุณภาพในระดับมืออาชีพ,ใช้งานใน Studio ให้คุณภาพเสียงที่คมชัดและการถ่ายทอดรายละเอียดเสียงได้อย่างแม่นยำ เป็นไมโครโฟนที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการบันทึกเสียงแบบมืออาชีพ พอดแคสต์ และการสตรีมมิ่ง โดย JLab TalkPRO เป็นไมโครโฟนแบบคอนเดนเซอร์ ที่มีภาครับเสียง 3 ชุด ที่มาพร้อมกับ Sampling Rate ในการบันทึกเสียงสูงถึง 192k รองรับการบันทึกที่ระดับ 24 bit ทั้งยังปรับรูปแบบการรับเสียงได้ 4 แบบ ไม่ว่าจะเป็นรับเสียงจากด้านหน้า (Cardioid), รอบทิศทาง (omni), แบบสเตอริโอ (stereo) และแบบ 2 ทิศทาง (bi-directional) เพื่อให้ได้เสียงที่ตรงตามการใช้งาน ทั้งยังมาพร้อมช่องเสียงหูฟัง 3.5 mm และปุ่มควบคุมเสียงที่ตัวไมโครโฟน รวมถึงสาย USB-C ทำให้สามารถใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac ได้อย่างง่ายดาย โดย JLab Talk Pro วางจำหน่ายในราคา 7,190 บาท
สำหรับผู้สนใจไมโครโฟน Talk Series ทั้ง 3 รุ่นจากแบรนด์ JLab สามารถหาซื้อและสัมผัสประสบการณ์คุณภาพเสียงสุดคมชัดได้แล้ววันนี้ที่ PowerBuy, PowerMall, SoundproofBrothers Mercular,Lazada,Shopee,Gadgetthai.netหรือสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/JLabThailand
ที่มา: อาร์ทีบี เทคโนโลยี