สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ของเวียร์ ไบโอเทคโนโลยี และ จีเอสเค อีกหนึ่งความหวังการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

พุธ ๐๗ เมษายน ๒๐๒๑ ๑๗:๒๗
เวียร์ ไบโอเทคโนโลยี อิงค์ หรือ VIR และ แกล็กโซสมิทไคล์น หรือ GSK เปิดเผยว่า การศึกษาทางคลินิก COMET-ICE เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 มีผลชี้ว่า สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 สามารถรักษาผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อโควิด-19 ระยะแรก และมีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทางคณะกรรมการติดตามและประเมินผลข้อมูลอิสระเสนอแนะว่า สามารถหยุดการศึกษา COMET-ICE ในระยะที่ 3 เนื่องจากมีผลพิสูจน์ที่ชัดเจนแล้ว

ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ นั้น พิจารณาจากการวิเคราะห์เบื้องต้นในข้อมูลของผู้ป่วยจำนวน 583 รายที่สมัครเข้าร่วมการวิจัย COMET-ICE ที่แสดงให้เห็นว่า อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 เพียงชนิดเดียวในการรักษา ลดลงร้อยละ 85 เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยการใช้ยาหลอก ซึ่งเป็นไปตามจุดยุติด้านประสิทธิผลหลักของงานวิจัย (primary efficacy endpoint) ที่ได้ตั้งไว้ และพบว่าผู้ป่วยสามารถทนต่อสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ได้ดี อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้จะยังดำเนินต่อไปโดยมีการเฝ้าติดตามจนครบ 24 สัปดาห์ และผลการศึกษาเพิ่มเติม รวมถึง ข้อมูลทางด้านระบาดวิทยาและข้อมูลเกี่ยวกับไวรัส จะมีการสรุปผลทันทีที่การวิจัยเสร็จสิ้น

จากผลการศึกษานี้ VIR และ GSK จะยื่นเรื่องขออนุมัติการใช้สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 เป็นกรณีฉุกเฉินกับองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา และหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องในประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่ได้จากการศึกษานี้จะถูกรวบรวมเพื่อใช้ในการยื่นเรื่องขอใบอนุญาตอุบัติสาขาชีวภาพ (Biologics License Application (BLA) ต่อองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาต่อไป

นอกเหนือจากนี้ VIR และ GSK เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลการวิจัยใหม่อีกฉบับหนึ่งได้ถูกส่งไปยัง วารสารออนไลน์ที่มีชื่อว่า bioRxiv และอยู่ในระหว่างรอการเผยแพร่ โดยผลการวิจัยดังกล่าวสรุปว่า สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 แสดงฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีการแพร่ระบาดในขณะนี้ ทั้งสายพันธุ์อังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้จากการทดลอง ด้วย Pseudotyped Virus ในห้องปฏิบัติการ โดยสารภูมิต้านทาน VIR-7831 สามารถยึดเกาะกับเอปิโทปที่มีความคงตัวสูง (conserved epitope) ของโปรตีน spike (S) ซึ่งอาจทำให้เชื้อดื้อยายากยิ่งขึ้น แตกต่างจากสารภูมิต้านทานโมโนโคลน หรือ สารภูมิต้านทานจากโคลนของเซลล์เดียวอื่น

โครงการพัฒนาการศึกษาวิจัยทางคลินิก COMET โดยการใช้สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ยังรวมถึง

  • COMET-PEAK: การศึกษาระยะที่ 2 ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน เพื่อเปรียบเทียบความปลอดภัยและพลวัตปฏิสัมพันธ์ของไวรัสของสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ปริมาณ 500 มิลลิกรัมที่ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ ต่อสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ปริมาณ 500 มิลลิกรัมที่ฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำในผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อโควิดความรุนแรงน้อยและปานกลางที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อประเมินความเสมือนและการที่ร่างกายจัดการกับสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ที่ได้รับที่ผลิตขึ้นจากกระบวนการที่แตกต่างกัน
  • COMET-TAIL: การศึกษาระยะที่ 3 ที่คาดว่าจะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2564 ในผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อประเมินว่า สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ที่ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ ช่วยลดอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตอันเนื่องมาจากโรคโควิด-19 ได้หรือไม่
  • COMET-STAR: การศึกษาระยะที่ 3 ที่คาดว่าจะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2564 ในผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง เพื่อตรวจสอบว่า สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ที่ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ ช่วยป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการได้หรือไม่

ดร. จอร์จ สแคนกอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VIR กล่าวว่า "นับเป็นข้อมูลที่น่าตื่นเต้นต่อการค้นพบแอนติบอดี้หรือสารภูมิต้านทานที่สามารถจัดการกับเอปิโทปที่มีความคงตัวสูง ทำให้เรามีความก้าวหน้าในการรักษาผู้ป่วยทั่วโลกมากยิ่งขึ้น การออกแบบให้สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ทำงานได้ 2 กลไก โดยให้สามารถยับยั้งกระบวนการที่เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ทั้งเซลล์และการทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ รวมทั้งความสามารถในการต่อต้านการดื้อยาสูง ล้วนเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น โดยผลการศึกษานี้ร่วมกับข้อมูลที่อยู่ระหว่างการตีพิมพ์แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ในการป้องกันอาการที่รุนแรงของโรคโควิด-19 และความสามารถในการต่อต้านสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดในขณะนี้"

ดร. ฮาล บาร์รอน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ และประธานฝ่ายวิจัยและพัฒนา GSK กล่าวว่า "GSK มีความยินดีอย่างยิ่งที่พบว่า สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 จะสร้างประโยชน์อย่างมหาศาลให้กับผู้ป่วย เราจะดำเนินการสนับสนุนการนำสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ไปใช้กับผู้ป่วยให้ได้โดยเร็ว พร้อมกับการศึกษาประสิทธิภาพของสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 เพื่อค้นหาศักยภาพในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม"

การศึกษา COMET-ICE ระยะที่ 3 เพื่อประเมินผลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพการให้สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 (500 มิลลิกรัม) เข้าทางหลอดเลือดดำโดยตรง 1 ครั้ง เปรียบเทียบกับการให้ยาหลอกกับผู้เข้าร่วมการศึกษาทั่วโลกที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างทางก่อนที่จะสิ้นสุดการศึกษานี้ ประกอบด้วยผู้ป่วย 291 รายที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้ และผู้ป่วย 292 รายที่ได้รับการรักษาด้วยยาหลอก ทั้งนี้ จุดยุติด้านประสิทธิผลที่สำคัญคือ สัดส่วนของผู้ป่วยที่แสดงอาการของโรคโควิด-19 ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือเสียชีวิตภายใน 29 วัน โดยการศึกษาแบบสุ่ม พบว่าในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด ร้อยละ 63 เป็นผู้ป่วยที่มีเชื้อสายสเปนหรือละติน และร้อยละ 7 เป็นผู้ป่วยเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคพบว่า ประชากรเหล่านี้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงถึงเกือบสามเท่า และเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สูงถึงเกือบสองเท่า

นอกจากนี้ VIR และ GSK จะทำการประเมินผลของสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 และ VIR-7832 ในการศึกษา AGILE กับผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการระดับเบาถึงปานกลาง ระยะที่ 1b/2a ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NHS) โดยสารภูมิคุ้มกัน VIR-7832 เป็นสารภูมิต้านทานโมโนโคลน หรือ สารภูมิต้านทานจากโคลนของเซลล์เดียวตัวที่ 2 ที่ผ่านการตรวจสอบด้านประสิทธิภาพในการรักษาโรคโควิด-19 ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง เวียร์-จีเอสเค

การศึกษาทางคลินิก COMET-ICE
การศึกษา COMET-ICE เป็นการศึกษาทางคลินิกในพหุสถาบันแบบปกปิดที่ต้องการตรวจสอบประสิทธิภาพของสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ในผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อโควิด-19 ระดับเบาถึงปานกลาง และมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรง โดยการศึกษาในระยะที่หนึ่งเป็นการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กเพื่อประเมินความปลอดภัยและความทนของผู้ป่วยต่อสารภูมิคุ้มกัน โดยการให้สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ในปริมาณ 500 มิลลิกรัมทางหลอดเลือดดำหนึ่งครั้ง เปรียบเทียบกับการให้ยาหลอก เป็นเวลา 14 วันในผู้ป่วยผู้ใหญ่ 21 รายที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมการทดลองนี้ในสหรัฐอเมริกา

หลังจากที่คณะกรรมการติดตามและประเมินผลข้อมูลอิสระได้พิจารณาผลการทดลองในระยะแรกด้านข้อมูลด้านความปลอดภัยและการความอดทนในการรับสารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 แล้ว ในเดือนตุลาคม 2563 การศึกษาระยะที่ 3 ได้เริ่มต้นขึ้น/ได้เริ่มทดลองกับผู้ป่วยที่ลงทะเบียนในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปอเมริกาใต้ และยุโรป เพื่อประเมินผลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการให้สารภูมิคุ้มกัน VIR-7831 ทางหลอดเลือดดำโดยตรง 1 ครั้ง เปรียบเทียบกับการให้ยาหลอก ในผู้เข้าร่วมการศึกษาที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจำนวนไม่เกิน 1,300 รายจากทั่วโลก

เกี่ยวกับ GSK
GSK เป็นบริษัทผู้ค้นคว้าวิจัยพัฒนายาและวัคซีนระดับโลก ภายใต้พันธกิจที่มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของมวลมนุษย์ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ทำกิจกรรมได้มากขึ้น และมีอายุยืนยาวขึ้น www.gsk.com

เกี่ยวกับ VIR
เวียร์ ไบโอเทคโนโลยี อิงค์ เป็นองค์กรที่ศึกษาการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในขั้นตอนการศึกษาทางคลินิก โดยผสานความรู้และความชำนาญด้านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อรักษาและป้องกันโรคติดเชื้อที่ร้ายแรง ทั้งนี้ เวียร์ นำเสนอแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยี 4 ด้านที่พัฒนาขึ้นเพื่อกระตุ้นและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยการติดตามการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ปัจจุบันบริษัทดำเนินการศึกษาผลิตภัณฑ์ทดลองเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โรคไวรัสตับอักเสบบี ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ และไวรัสภูมิคุ้มกันเสื่อมในคน www.vir.bio

ที่มา: เอบีเอ็ม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ