Locus บริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ (SaaS) สำหรับธุรกิจ B2B ระดับโลกที่ทำให้การตัดสินใจของมนุษย์ในห่วงโซ่อุปทานเป็นระบบอัตโนมัติ ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Locus NodeIQ ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการตัดสินใจด้านซัพพลายเชนได้อย่างชาญฉลาด ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถดำเนินการเครือข่ายได้แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าคงคลังได้
Locus ให้บริการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้วย AI และแมชชีนเลิร์นนิงแก่บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคกลุ่ม FMCG และ CPG บริษัทค้าปลีก ผู้ให้บริการเกี่ยวกับบ้าน ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบ 3PL ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และบริษัทอุตสาหกรรม Locus นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่ายและออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะที่องค์กรต่างๆ พบเจอในการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน Locus ทำให้การตัดสินใจเป็นไปโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทุกด้านของโลจิสติกส์ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทาง ความจุ และการออกแบบเครือข่าย
NodeIQ ยกระดับไปอีกขั้นด้วยการทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับซัพพลายเชนเชิงกลยุทธ์เป็นระบบอัตโนมัติ ซึ่งครอบคลุม 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ การไหล ตำแหน่งที่ตั้ง สินค้าคงคลัง และการจัดหาเชิงกลยุทธ์ NodeIQ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนย้ายสินค้า ตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของโรงงานที่เหมาะสมที่สุดเพื่อจัดการกับช่องว่างระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ปรับระดับสต็อกสินค้าให้เหมาะสม และปรับปรุงการจัดหาเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ NodeIQ ยังพิจารณาข้อจำกัดแบบเรียลไทม์เป็นปัจจัยประกอบ เช่น ระดับการบริการ ระยะเวลารอคอย (lead time) ต้นทุนและความสามารถในการลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดและส่งผลกระทบมหาศาล อย่างเช่นการแพร่ระบาดของโควิด แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความคล่องตัวในห่วงโซ่อุปทาน" Krishna Khandelwal ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของ Locus กล่าว "แต่ห่วงโซ่อุปทานมีความซับซ้อนอย่างมาก และขึ้นอยู่กับขอบเขตของการดำเนินงาน ตลอดจนปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบ ซึ่งการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้องนั้นเกินขีดความสามารถของมนุษย์ แต่ความสามารถในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ NodeIQ ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในทุกระดับ "
ผลิตภัณฑ์ของ Locus มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก เนื่องจากใช้งานง่าย โดยการเพิ่มประสิทธิภาพของซัพพลายเชนนั้นเป็นฟังก์ชันที่ต้องใช้ข้อมูลมาก แต่ Locus ใช้ AI และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ เพื่อทำความสะอาดข้อมูล ตั้งค่าสถานะความผิดปกติ และให้ข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจน NodeIQ ใช้หลักความสะดวกและเรียบง่ายเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Locus กล่าวคือใช้แนวทาง digital twin approach เพื่อให้ลูกค้าทดสอบการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ได้ง่าย และเจาะลึกไปยังแต่ละเซกเมนต์ของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าของ Locus ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเมื่อเงื่อนไขทางธุรกิจเปลี่ยนไป
"เมื่อโควิด-19 ระบาด นักวางแผนอุปสงค์อุปทาน ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ นักวิเคราะห์ซัพพลายเชน ผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซและคลังสินค้า และผู้นำด้านซัพพลายเชนจากองค์กรต่างๆ ทั่วโลก มาร่วมกันประเมินว่าการระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างไร และตัดสินใจว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร" Khandelwal ตั้งข้อสังเกต "การขาดเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในห่วงโซ่อุปทานนับเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางความพยายามดังกล่าวขององค์กรจำนวนมาก อย่างไรก็ดี Locus NodeIQ และโซลูชันที่ครอบคลุมครบวงจรของเราสามารถมอบทัศนวิสัยดังกล่าวได้"
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Locus ได้ที่ https://locus.sh/
เกี่ยวกับ Locus
Locus คือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้การตัดสินใจในห่วงโซ่อุปทานเป็นอัตโนมัติ เพื่อการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และต่อเนื่อง Locus ใช้แมชชีนเลิร์นนิงและอัลกอริทึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทในการนำเสนอโซลูชันโลจิสติกส์อัจฉริยะ ได้แก่ การจัดการเส้นทาง การติดตามแบบเรียลไทม์ ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ การจัดการเวลา การจัดการโกดังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดสรรและใช้งานยานพาหนะ Locus ช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในการปรับปรุงเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานครบวงจรผ่านการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ และยังช่วยสนับสนุนการขนส่งทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อนุทวีปอินเดีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://locus.sh/
สื่อมวลชนกรุณาติดต่อ
Locus Media Contact
Julie Solomon
โทร: 610.764.1534
อีเมล: [email protected]
โลโก้: https://mma.prnewswire.com/media/1197609/Locus_Logo.jpg