การประชุมครั้งนี้ร่วมกันจัดโดยประเทศเนเธอร์แลนด์ และกองทุน Finnish Innovation Fund Sitra ของฟินแลนด์ โดยผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วยรัฐมนตรีจากหลายสิบประเทศ เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากองค์การสหประชาชาติ (UN) รวมถึงตัวแทนจากบริษัทยักษ์ใหญ่และสตาร์ทอัพ ทั้งนี้ Jyrki Katainen ประธานของ Finnish Innovation Fund Sitra กล่าวว่า "เราต้องแยกการเติบโตทางเศรษฐกิจออกจากการปล่อยมลพิษและการบริโภคที่ล้นเกิน ขณะเดียวกัน ทั่วโลกต้องร่วมมือกันก่อนที่จะถึงการประชุม World Circular Economy Forum 2021 ที่โทรอนโต รวมถึงการประชุม UN Climate Change Conference COP26 ที่กลาสโกว์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนที่ปล่อยคาร์บอนต่ำและสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"
การประชุม WCEF+Climate สะท้อนถึงความพยายามของทั่วโลกในการก้าวสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ หากปราศจากเศรษฐกิจหมุนเวียนก็เป็นการยากที่จะบรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ทั้งนี้ การใช้วัตถุดิบอย่างชาญฉลาดมากขึ้น การนำสินค้ากลับมาใช้ซ้ำมากขึ้น และการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 20% ทั่วโลก
คนรุ่นใหม่มีส่วนสำคัญ
We Are Tomorrow Global Partnership ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ทั่วโลก นับว่ามีบทบาทสำคัญในการประชุมครั้งนี้ และจะได้มีส่วนร่วมในการพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายเพื่อบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนในเนเธอร์แลนด์ โดย Werner Schouten ประธานของกลุ่ม กล่าวว่า "เรารู้สึกยินดีที่เสียงของคนรุ่นใหม่จากทั่วโลกมีความสำคัญมากขึ้น และในเนเธอร์แลนด์ เราได้เห็นว่าคนรุ่นใหม่หลายพันคนต้องการมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน การที่เราได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมในการพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสำหรับเรา"
ผู้เข้าร่วมการประชุม
ตัวแทนจาก UN ประกอบด้วย Amina Mohammed (รองเลขาธิการ UN), Inger Andersen (ผู้อำนวยการบริหาร UNEP) และ Achim Steiner (ผู้บริหาร UNDP) ส่วนตัวแทนจากคณะกรรมาธิการยุโรปประกอบด้วย Frans Timmermans (รองประธานบริหาร) และเจ้าหน้าที่อีกหลายท่าน นอกจากนี้ ในการประชุมกว่า 20 รายการ หลายสิบประเทศและบริษัทได้ให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อผลักดันให้โครงการหมุนเวียนที่กำลังดำเนินอยู่สร้างผลกระทบมากขึ้น
www.wcefplusclimate.com