เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำธีมการลงทุน "Wider upside from global recovery" เลือก SCC เป็นหุ้นเด่น

อังคาร ๒๗ เมษายน ๒๐๒๑ ๑๖:๐๒
ทีมวิจัย บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่าสถานการณ์ในประเทศที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ อาจเพิ่มความน่าสนใจในกลุ่ม Global Play ในระยะสั้นมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของธีมการลงทุน "Wider upside from global recovery" โดยเลือก SCC เป็นหุ้นเด่นสำหรับธีมในสัปดาห์นี้

ตลาดทยอยปรับลดประมาณ GDP ไทยปีนี้ลง : สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในไทยยังดูน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ในระดับเหนือ 2 พันรายต่อวัน 4 วันติดต่อกัน ทำให้ ณ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อสะสมในไทยแล้วถึง 57,508 ราย โดยในรอบนี้มีการแพร่ระบาดหนักในหัวเมืองสำคัญ เช่น กทม. เชียงใหม่ ชลบุรี ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยที่อาจเพิ่ม Downside ต่อการปรับลดประมาณการการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยมากยิ่งขึ้น โดยทางทีมวิจัย MKET ได้ปรับลดประมาณการ GDP ไทยปีนี้ลงสู่ระดับ 2.7% จาก 3.5% สอดคล้องกับ consensus ที่เตรียมปรับลดลง โดยสำหรับด้านกระทรวงการคลังจะมีการแถลงในวันที่ 28 เมษายน นี้ คาดว่าจะมีการปรับลดประมาณการปีนี้เช่นกัน 

Global play รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว : ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งภาคการผลิต, บริการ, แรงงาน ของหลายประเทศสำคัญในโลก เช่น สหรัฐฯ, จีน, ยุโรป มีการฟื้นตัวที่ดี สะท้อน Upside ของโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นตัวบ่งชี้ถึงความต้องการของสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น รวมถึงเป็นภาพบวกต่อความต้องการปิโตรเคมีที่จะเร่งตัวขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเราเชื่อว่าส่วนต่างปิโตรเคมีจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว โดยมีการปรับตัวขึ้นเด่นในช่วง 1Q64 และเชื่อว่าความต้องการยังแข็งแกร่ง หนุนให้แนวโน้มส่วนต่างปิโตรเครมียังดีต่อเนื่องใน 2Q64 เป็นบวกต่อภาพกำไรในช่วงครึ่งปีแรกของกลุ่มปิโตรเคมียังคงโดดเด่น โดยเราแนะนำทยอยสะสม SCC 

SCC (BUY,450) เป็นหุ้นเด่นสำหรับธีมในสัปดาห์นี้ :    

คาดกำไร 1Q64 โดดเด่นที่ 12,700 ล้านบาท (+58%QoQ, +82%YoY)  แรงหนุนสำคัญจากธุรกิจปิโตรเคมี  การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ การขยายกำลังการผลิต คาดจะหนุนผลประกอบการปีนี้เติบโตได้ดี โดยคาดจะรายงานผลประกอบการวันที่ 28 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าประมาณการกำไรของตลาดทำไว้มีโอกาสต่ำไป หนุนโอกาสปรับประมาณการเพิ่มเติม

แนวโน้มส่วนต่าง HDPE-Naphtha ในช่วงเดือน เมษายน ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 733 เหรียญต่อตัน เทียบกับช่วง 1Q64 ที่ 588 เหรียญต่อตัน และ 2Q63 ที่ 486 เหรียญต่อตัน เป็นตัวชี้นำสำคัญต่อคาดการณ์เชิงบวกของผลประกอบการ 2Q64

ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต แรงหนุนจากทั้งสามธุรกิจ คือ ธุรกิจปิโตรเคมี กำลังการผลิตจะเพิ่ม70% ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เน้นเซอร์วิสและโซลูชั่น ไปรีเทล  ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ตั้งเป้าจะโตเป็น 2 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า

คงแนะนำ ซื้อ เป้าหมายเป็น 450 บาท บนฐาน Forward P/E+0.5SD = 13.9 เท่า  และมีอัตราการจ่ายปันผลราว 4% ต่อปี

ที่มา: บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๑:๔๙ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) รับรางวัล IAA Best Analyst Awards 2024 ยอดเยี่ยมกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
๑๖:๐๐ NCP ผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายปันผล 0.068บ./หุ้น
๑๖:๐๐ AJA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 เปิดแผนรุกตลาดสินค้าคุณภาพ เดินหน้าขยายฐาน AJ EV Bike พร้อมต่อยอดธุรกิจดิจิทัล
๑๖:๐๐ NL จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๖:๐๐ RBF ผู้ถือหุ้นไฟเขียว อนุมัติปันผล 0.175บ./หุ้น
๑๕:๐๐ CMO ชำระหุ้นกู้ ตามกำหนด ลุยธุรกิจเต็มสูบ รับปี 68 ปีทองอีเวนต์
๑๘:๐๐ ฮีโน่เปิดตัวรถบรรทุก HINO EURO 5 พร้อมโซลูชันครบวงจรภายใต้แนวคิด Always Your Professionals ตอบสนองความสำเร็จของธุรกิจคุณ
๑๗:๐๐ ผถห. PMC ไฟเขียวปันผลเป็นหุ้น 38 : 1 Record Date 7 พ.ค. 68
๑๖:๐๐ TBN จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ - เคาะจ่ายปันผล 0.19 บ./หุ้น
๑๖:๐๐ BC จัดงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เตรียมจ่ายปันผล 0.0520 บาท/หุ้น 27 พ.ค.นี้ พร้อม แจก Warrant 3 และ 4 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมราคาใช้สิทธิ 1.50 บาท/หุ้น และ 2.50 บาท/หุ้น