'เอสซีจี-ดาว' ขยายกำลังผลิตโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ เดินหน้าสร้างการเติบโต ตอบโจทย์อุตสาหกรรมทั่วโลก

พฤหัส ๐๖ พฤษภาคม ๒๐๒๑ ๑๐:๓๑
ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) แถลงความสำเร็จโครงการขยายกำลังการผลิตของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ (MOC Debottleneck หรือ MOCD) ซึ่งดำเนินการสำเร็จเร็วกว่าแผนและเริ่มทดลองดำเนินการผลิตแล้ว คาดว่าจะผลิตได้เต็มกำลังภายในเดือนพฤษภาคม 2564 จะทำให้มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มขึ้น 350,000 ตันต่อปี ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของอุตสาหกรรมทั่วโลก และยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทย โดยมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้กระบวนการผลิตมีต้นทุนการลงทุนที่ต่ำลง และยังช่วยประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เผยว่า "โครงการ MOCD เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ ทั้งในแง่การลงทุนและความท้าทายด้านเทคโนโลยี โครงการนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดีโดยใช้เวลาเร็วกว่าเผน แม้จะมีสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 แต่ด้วยมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด 19 อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ผนวกกับความสามารถและความเชี่ยวชาญของบุคลากร ส่งผลให้โครงการเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย พร้อมตอบสนองความต้องการลูกค้าทั้งภายในและต่างประเทศ"

นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า "โครงการ MOCD นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และ Dow ที่ได้ร่วมมือกันสร้างการเติบโต และเพิ่มศักยภาพของธุรกิจให้มีขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มขึ้น 350,000 ตันต่อปี มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบ และยังใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้กระบวนการผลิตมีต้นทุนการลงทุนที่ต่ำลง และยังประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Process) คาดว่าจะผลิตได้เต็มกำลังภายในเดือนพฤษภาคม 2564"

นายบัมบัง จันดรา รองประธานฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow เปิดเผยว่า "ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างของ Dow ในตลาดบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษมีการเติบโตเป็นอย่างมากในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นผลจากเมกะเทรนด์ เช่น ความยั่งยืน อุตสาหกรรม 4.0 และการดูแลสุขภาพที่ผู้คนให้ความใส่ใจ ความสำเร็จของโครงการขยายกำลังการผลิต (Debottleneck) ในครั้งนี้ทำให้เราได้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยให้ Dow สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจที่ตอบโจทย์เทคโนโลยีและความยั่งยืนนี้ได้อย่างต่อเนื่อง"

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า " การที่ Dow ร่วมมือกับเอสซีจีในการลงทุนและนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มกำลังการผลิตในครั้งนี้ นอกจากเป็นการตอกย้ำพันธสัญญาของ Dow ที่มีต่อลูกค้าของเราในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจให้กับลูกค้าของเราแล้ว ยังเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ภาคอุตสาหกรรมไทยในด้านเทคโนโลยีและศักยภาพการแข่งขัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปอีกด้วย"

บริษัท มาบตาพุด โอเลฟินส์ จำกัด (MOC) เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่เอสซีจีถือหุ้นทั้งหมด และ บริษัท Dow โดยเอสซีจีมีสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมใน MOC ร้อยละ 67 และ Dow ถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมในส่วนที่เหลือทั้งหมดร้อยละ 33 ได้อนุมัติโครงการขยายกำลังการผลิตของ MOC เมื่อปี 2561 ด้วยเงินลงทุนประมาณ 15,500 ล้านบาท

เกี่ยวกับ บริษัท มาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด
บริษัท มาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด เป็นโรงงานปิโตรเคมีขั้นต้นขนาดใหญ่ระดับ World Scale ซึ่งมีการเชื่อมโยงการผลิตอย่างครบวงจรไปยังโรงงานปิโตรเคมีขั้นปลาย ตั้งอยู่ที่ตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนเมษายน ปี 2553 และมีโครงการขยายกำลังการผลิต MOCD และเริ่มทดลองดำเนินการผลิตแล้ว คาดว่าจะผลิตได้เต็มกำลังภายในเดือนพฤษภาคม 2564

เกี่ยวกับ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี
ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี เป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทยและเป็นผู้ผลิตชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตขั้นต้น (โอเลฟินส์) ไปจนถึง ขั้นปลาย ได้แก่ เม็ดพลาสติกหลักทั้ง 3 ประเภท คือ พอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน และพอลิไวนิลคลอไรด์ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี มุ่งดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวคิด ESG (Environmental, Social and Governance - ESG) และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs) โดยเน้นพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added Products and Services หรือ HVA) พร้อมโซลูชันครบวงจรด้านต่าง ๆ อาทิด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) Medical & Healthcare และยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) ที่กำลังเติบโตสูง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.scgchemicals.com

เกี่ยวกับ 'ดาว'
ดาว (DOW) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านแมททีเรียล ไซแอนซ์ (Materials Science) ซึ่งพัฒนาและผลิตวัสดุชนิดต่าง ๆ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศด้านนวัตกรรม เอาใจใส่ต่อลูกค้า ให้การยอมรับบุคลากรที่หลากหลาย และ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากที่สุดในโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นส์ทางวิทยาศาสตร์ของดาวได้แก่ พลาสติกชนิดต่างๆ เคมีภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรม สารเคลือบผิว และซิลิโคน ซึ่งเน้นสร้างความแตกต่างเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น บรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง และการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบัน Dow มีฐานการผลิต 109 แห่งใน 31 ประเทศ และมีพนักงานประมาณ 36,500 คน โดยมียอดขายในปี 2562 ประมาณ 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dow ได้ที่ www.dow.com หรือ ติดตามเฟซบุ๊ก www.facebook.com/DowThailandGroup/

ที่มา: เอสซีจี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ