"หอการค้าจังหวัดและภาคเอกชนในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมสนับสนุนรัฐบาลในการดำเนินการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันหรือหยุดยั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในพื้นที่ หอการค้าไทยได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือฝ่ายปกครองของจังหวัดในแต่ละพื้นที่ เข้มงวดการอนุญาตสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงมาก รวมถึงเข้มงวด ตรวจตราการจัดกิจกรรมงานรื่นเริง งานประเพณี ซึ่งแม้มีการกำหนดจำนวนคนไว้ แต่ก็อาจมีการรวมตัวและเคลื่อนย้ายคนไปร่วมงานทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อ พร้อมขอให้ดำเนินการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน รวมทั้งผู้ควบคุมดูแลอย่างจริงจังและรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังเสนอให้แต่ละจังหวัดมีการสื่อสารข้อมูลไปยังทุกภาคส่วน ในลักษณะ one single message ที่รวดเร็วและถูกต้อง โดยเฉพาะข้อมูลสถานการณ์การระบาดของพื้นที่ การเตรียมความพร้อมของพื้นที่ เช่น สถานที่การกักตัว และสถานที่ฉีดวัคซีน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน รวมทั้ง ขอให้จังหวัดพิจารณานำงบประมาณฉุกเฉิน (งบ ผวจ.) มาใช้ในการจัดหาเครื่องตรวจ การช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และการคัดกรองเชิงรุกประชาชนในจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ทันสถานการณ์" นายสนั่น กล่าว
สำหรับการเตรียมความพร้อมสถานที่รองรับการฉีดวัคซีนของแต่ละจังหวัดนั้น หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด และเครือข่าย พร้อมสนับสนุนสถานที่ในการฉีดวัคซีน (เพิ่มเติมจากโรงพยาบาลและสถานที่ที่รัฐจัดหาให้) โดยขอให้กระทรวงมหาดไทยมีข้อสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เป็นผู้นำในการประสานความร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะมีความพร้อมทั้งบุคลากร งบประมาณ และมีความชำนาญในพื้นที่ นอกจากนั้น ขอให้พิจารณาแต่งตั้งให้ภาคเอกชน หรือ กกร.แต่ละจังหวัด ร่วมเป็นที่ปรึกษาหรือกรรมการในคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อในระดับจังหวัด เพื่อร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ ในการสนับสนุนด้านสาธารณสุข การกำหนดมาตรการ ควบคู่กับการฟื้นฟูเยียวยาเศรษฐกิจของพื้นที่ อาทิ การปรับลดอัตราภาษีป้ายที่มีอัตราการจัดเก็บใหม่ หรือยกเว้นการจัดเก็บออกไปก่อน 1- 2 ปี เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการในส่วนภูมิภาค เป็นต้น โดยผลจากการประชุม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับข้อเสนอของหอการค้าไทยไปพิจารณา และพร้อมรับจะขับเคลื่อนภารกิจเร่งฉีดวัคซีนร่วมกัน เพื่อให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เร็วที่สุด
ที่มา: หอการค้าไทย