นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ในฐานะบริษัทโฮลดิ้งที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Investment Holding Company เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวด ไตรมาส 1/2564 กำไรทำสถิติสูงสุดรายไตรมาสต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 333 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 218% ขณะที่ รายได้รวมอยู่ที่ 2,883.1 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8.2% ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญในการเติบโตของกำไรสุทธิ มาจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมภายในกลุ่มมีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ยังคงเป็นสัดส่วนกำไรที่สำคัญให้แก่เจมาร์ท ขณะที่ กลุ่มธุรกิจการเงิน ค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การบริหารของ SINGER , JAS ASSET (J) และ JAYMART MOBILE สามารถบริหารจัดการได้อย่างดีเยี่ยม แม้ภายใต้สถานการณ์การกลับมาแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในปีนี้ แต่บริษัทฯ สามารถใช้เทคโนโลยี และ Ecosystem ภายในกลุ่ม สนับสนุนโอกาสใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ JMART ได้รับกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุนของ JMART ใน บริษัท เจฟินเทค จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด (KBJ) เข้ามารับรู้ในไตรมาสนี้ ภายหลังปิดดีลการเข้าลงทุนของบริษัท KB Kookmin Card บริษัทการเงินอันดับต้นๆ จากประเทศเกาหลีใต้ แล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา
สำหรับการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 4/2564 ที่ผ่านมา บอร์ดไฟเขียวอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.15 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 11 มิถุนายน 2564 นี้โดยกำหนดวัน Record Date คือ 27 พฤษภาคม 2564 นี้ และมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 5 (JMART-W5) อายุ 4 ปี ราคาใช้สิทธิ 70 บาท ตามแผน เพื่อสร้างฐานเงินทุนให้กับบริษัทในอนาคต ซึ่งเรื่องการออกและเสนอขาย JMART-W5 นี้จะต้องเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 นี้
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเจมาร์ทมีฐานกำไรเติบโตมั่นคง และมั่นใจภาพระยะยาวมีแนวโน้มเชิงบวกจากการต่อจิ๊กซอว์ภายในกลุ่ม โดยในไตรมาส 2 เตรียมเดินหน้าสานต่อโครงการที่ได้ประกาศเอาไว้ ได้แก่ การขยายกิจการด้านโลจิสติกส์ ธุรกิจนายหน้าประกันภัยและการเงิน รวมทั้ง ธุรกิจบริหารสินทรัพย์รอการขาย ที่จะเริ่มเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น และยังไม่ได้รวมในประมาณการเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังมีจุดแข็งจากความร่วมมือกับบริษัทพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลก และโปรเจ็กต์อื่นๆ ที่จะทำให้ Ecosystem ในกลุ่มเจมาร์ทครบวงจร ล่าสุด ยังประกาศใช้ JFIN ทำแคมเปญกระตุ้นตลาดดิจิทัล โทเคน สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้เหนือคู่แข่ง เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนผลงานปีนี้ของเจมาร์ท โดยตั้งเป้ากำไรเติบโต 50% จากปีก่อน 2563 ที่ทำได้ 798 ล้านบาท
นอกจากนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำเอา JFIN Token มาใช้ในกลุ่ม เพื่อสร้าง Ecosystem ของ JFIN โดยจะเปิดโครงการ ลด แลก แจก อย่างเต็มรูปแบบ ดีเดย์ 17 พฤษภาคม 2564 นี้ ย้ำอนาคตกระแสคริปโตมาแน่นอน ซึ่งบริษัทต้องเตรียมสร้างการรับรู้เรื่องดังกล่าวกับผู้บริโภค
ที่มา: ไออาร์ พลัส