บ้านปู เพาเวอร์เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 64 กำไรมั่นคง พร้อมขยายพอร์ตธุรกิจไฟฟ้าอย่างสมดุลเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

พุธ ๑๙ พฤษภาคม ๒๐๒๑ ๐๙:๔๓
กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีก่อน การลงทุนโรงไฟฟ้า Nakoso IGCC ในญี่ปุ่นสำเร็จสะท้อนการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในยุค New Normalกำลังผลิตปัจจุบันรวม 2,929 MWe พร้อมขยายสู่เป้า 5,300 MWe ในปี 2568 มุ่งลงทุนในประเทศแถบเอเชีย-แปซิฟิกที่มีศักยภาพ ด้วยสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน ด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2564 ด้วยกำไรสุทธิ 1,034 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานอย่างมีเสถียรภาพของโรงไฟฟ้าเอชพีซีใน สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไทย ที่มีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) สูงที่อัตราร้อยละ 83 และร้อยละ 85 ตามลำดับ แม้ในไตรมาสนี้ โรงไฟฟ้าเอชพีซีจะหยุดซ่อมบำรุงหน่วยผลิตที่ 2 ตามแผนก็ตาม รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Heat and Power: CHP) ทั้ง 3 แห่งในจีน ที่สามารถจำหน่ายไอน้ำได้เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันยังสะท้อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความสำเร็จของการลงทุนในโรงไฟฟ้านาโกโซ (Nakoso IGCC) กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 73 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทฯ มีกำลังผลิตรวม 2,929 เมกะวัตต์เทียบเท่า และพร้อมขยายสู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่าภายในปี 2568

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ผลการดำเนินงานของ BPP ในภาพรวมของไตรมาส 1 ปี 2564 เป็นไปตามความคาดหมาย ตอกย้ำการเดินตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และทิศทางการลงทุนที่มุ่งขยายพอร์ตพลังงานที่สมดุลและยั่งยืน บริษัทฯ สามารถรักษาเสถียรภาพในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง และดำเนินมาตรการลดต้นทุนในทุกส่วนของการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19สำหรับในจีน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่เรามีอยู่ 3 แห่งก็รับผลบวกจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ความต้องการไอน้ำของลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น แม้ต้นทุนถ่านหินจะปรับระดับสูงขึ้น แต่บริษัทฯ ก็มีมาตรการในการบริหารจัดการต้นทุนผ่านระบบการจัดหาถ่านหินแบบรวมศูนย์เพื่อความสามารถในการต่อรองราคา รวมถึงการบริหารจัดการสินค้าถ่านหินอย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านการขยายการเติบโตด้วยเมกะวัตต์ที่มีคุณภาพ การเพิ่มโรงไฟฟ้านาโกโซในญี่ปุ่นเข้ามาในพอร์ตก็ตอบโจทย์การลงทุนในโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในประเทศที่มีศักยภาพ ที่ใช้เทคโนโลยี HELE ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 3/2564 ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้าไปถึงร้อยละ 57 ตามด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เคนเซนนุมะ (Kesennuma) และชิราคาวะ (Shirakawa) ในญี่ปุ่น กำลังผลิตรวม 30 เมกะวัตต์ ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จไปประมาณร้อยละ 60 และคาดว่าจะ COD ในไตรมาส 4/2564 ขณะที่โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (Shanxi Lu Guang: SLG) ในจีน กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 396 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการทดสอบความพร้อมเพื่อเตรียมการจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ และมีการเชื่อมต่อสายส่งไฟฟ้าเทคโนโลยี Ultra High Voltage ไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงในจีนเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมณฑลหูเป่ย มณฑลซานซี มณฑลเหอเป่ย มณฑลปักกิ่ง มณฑลเทียนจิน และมณฑลซานตง"

ในไตรมาส 1/2564 บ้านปู เพาเวอร์ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 1,228 ล้านบาท มีรายได้รวมจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในจีนจำนวน 1,812 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้าจำนวน 867 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้าเอชพีซี และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Debt to Equity: Net D/E) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ 0.06 เท่า

"อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนที่0.06 เท่า อยู่ในระดับต่ำ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ BPP ในการเติบโตและความพร้อมสำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ในอนาคต จากกำลังผลิตปัจจุบันรวม 2,929 เมกะวัตต์เทียบเท่า เราพร้อมเดินหน้าสู่เป้า 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า ในปี 2568 ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ โควิด-19 บริษัทฯ และพนักงานในทุกประเทศสามารถปรับตัวให้เข้ากับวิถี New Normal ได้ พร้อมที่จะยกระดับและพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานไฟฟ้าในบริบทที่หลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และสร้างการเติบโตโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance: ESG) เพื่อสร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน" นายกิรณ กล่าวปิดท้าย

ที่มา: โอกิลวี่ ประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version