ช. การช่าง เซ็นสัญญาอุโมงค์ประปา 5 พันล้าน จ่อคว้า 2 สัญญารถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย มูลค่า 4.7 หมื่นล้าน

อังคาร ๒๕ พฤษภาคม ๒๐๒๑ ๐๙:๑๑
บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการอุโมงค์ส่งน้ำประปา สัญญาที่ G-TN-9D จากสถานีสูบจ่ายน้ำบางมด ถึงสถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร กับการประปานครหลวง (กปน.) มูลค่า 4,950 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โครงการนี้เป็นงานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำประปาตามแนวถนนกาญจนาภิเษกและถนนทางรถไฟสายเก่า จากสถานีสูบจ่ายน้ำบางมด ถึงสถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง โดยใช้หัวขุดเจาะอุโมงค์ แบบ TBM มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี 4 เดือน ถือเป็น 1 ใน 4 สัญญาที่กปน. ได้เปิดประมูลตามโครงการปรับปรุงกิจการประปานครหลวงแผนหลักครั้งที่ 9 เพื่อเชื่อมโยงการจ่ายน้ำประปาจากฝั่งตะวันตกไปผั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ โดยบริษัทพร้อมเริ่มก่อสร้างทันที และมั่นใจว่าจะดำเนินการก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามแผน เพราะมีความพร้อมและเป็นงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย- เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระยะทาง 323 กิโลเมตร สัญญาที่ 1 2 และ 3 มูลค่ากว่า 73,000 ล้านบาท ด้วยวิธีเสนอราคาจัดซื้อจัดจ้างทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิดดิ้ง) ร่วมกับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในนามกิจการร่วมค้า CKST โดยผลการเสนอราคาปรากฎว่า กิจการร่วมค้า CKST เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในสัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ด้วยราคา 26,900 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ ด้วยราคา 19,390 ล้านบาท โดยขั้นตอนต่อไป รฟท. แจ้งว่าจะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารเทคนิค หลังจากนั้น รฟท.
จะประกาศอย่างเป็นทางการว่าบริษัทใดเป็นผู้ได้รับงานสัญญาต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปลงนามในสัญญาได้ในเดือน กรกฎาคม 2564 ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร อีก 2 สัญญา มูลค่า 55,458 ล้านบาท ที่รฟท.จะเปิดประมูลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นี้ ซึ่งบริษัทก็จะเข้าร่วมประมูลด้วย

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ช.การช่าง กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมของธุรกิจก่อสร้างถือว่าค่อนข้างชะลอตัว เพราะมีการเลื่อนการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ เป็นผลมาจากปัญหาด้านการเมืองและผลกระทบจากโรคระบาด Covid-19 แต่หลังจากนี้เชื่อมั่นว่ารัฐจะเร่งรัดโครงการต่างๆออกมาจำนวนมากเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ งานก่อสร้างขนาดใหญ่สามารถสร้างเงินหมุนเวียนได้หลายรอบ มีผลต่อเนื่องไปที่ธุรกิจอื่นๆ เช่น วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง ธนาคารการเงิน ประกันภัย และที่สำคัญคือทำให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งจะมีผลดีต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง

จากงบประมาณจำนวนกว่าล้านล้านบาทที่ภาครัฐจัดสรรเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงงบประมาณสำหรับโครงการที่ได้เตรียมไว้แล้วตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติ Covid-19 ซึ่งขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่งานประมูลโครงการของรัฐขนาดใหญ่กำลังเร่งทยอยออกมา และส่งผลดีต่อภาคธุรกิจก่อสร้าง เช่น โครงการรถไฟทางคู่ 1.2 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 9 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 1.2 แสนล้านบาท รวมมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านบาท

นายปลิว กล่าวเสริมว่า บริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งด้านบุคลากร แรงงาน เครื่องจักร และที่สำคัญคือประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในงานขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เทคนิคสูง เช่นงานขุดเจาะอุโมงค์ งานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน มั่นใจว่ามีโอกาสสูงที่จะชนะในการประมูลทั้ง 3 โครงการในสัดส่วนที่ไม่น้อย โดยโครงการรถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเป็นงานที่บริษัทเข้าประมูลโดยตรง ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บริษัทจะสนับสนุน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เข้าร่วมประมูล

ในส่วนของภาพรวมบริษัท ในปี 2564 คาดว่าจะดีกว่าปี 2563 ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563 จนถึงปี 2564 บริษัทมั่นใจว่าจะได้รับงานก่อสร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ Backlog กลับไปอยู่ที่ระดับเกิดกว่า 1 แสนล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญ คือ รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง รถไฟฟ้าสายสีส้ม และที่สำคัญคือ โครงการเขื่อนหลวงพระบาง มูลค่างานก่อสร้างกว่า 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP กำลังเร่งรัดสรุปและคาดว่าจะเสร็จสิ้นขั้นตอนภายในปี 2564 นี้ และพร้อมเริ่มก่อสร้างทันที ส่วนบริษัทในกลุ่ม BEM ปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้าและทางด่วนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ซึ่งการระบาดของ Covid-19 น่าจะควบคุมได้ดีขึ้น ทำให้กำไรกลับสู่สภาวะปกติ สำหรับธุรกิจของ CKP ในปีนี้ โรงไฟฟ้าไชยะบุรีจะผลิตไฟฟ้าได้เต็มที่และไม่มีผลกระทบด้านภัยแล้งเหมือนปีที่ผ่านมา ทำให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก ทำให้ ช. การช่างได้รับส่วนแบ่งกำไรจากทั้ง 2 บริษัทมากขึ้นกว่าปี 2563 อย่างแน่นอน ส่วน TTW มีผลประกอบการที่ดี และไม่ได้รับผลกระทบอะไรจาก Covid-19 เลย

ส่วนในด้านการบริหารงาน เรายึดหลักให้ความสำคัญด้านคุณภาพ การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งมอบงานได้ตรงเวลาที่กำหนด ภายใต้อัตรากำไรที่เหมาะสม ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทมาโดยตลอด

ที่มา: โอกิลวี่ ประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ