นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ อมาโด้ (amado) เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนแรก บริษัทได้อานิสงค์จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อมาโด้ เบญ-ซี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มบำรุงร่างกายกลุ่มวิตามินซี ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 4 เดือนแรกของปี 2564 เติบโต 100% จากยอดขายทั้งหมดของปี 2563 ทั้งนี้ จากการบริหาร Data ของบริษัทมองว่าการเติบโตของธุรกิจอาหารเสริมและวิตามินจะยังเติบโตได้อีกในกลุ่มผู้บริโภคที่ส่วนใหญ่หันมาดูแลตัวเองอย่างตรงจุด และพบว่ายังมีกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการสินค้าที่สามารถบำรุงกระดูก หรือประสบปัญหามวลกระดูกบาง จึงทำให้ตลาดสินค้าคอลลาเจนที่เสริมส่วนประกอบของแคลเซียมจะสามารถมีส่วนช่วยในการทำให้กระดูกและฟันทำงานตามปกติได้ และคาดว่าสินค้าชนิดนี้จะช่วยดันยอดโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าในปี 2563 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วน 17.57% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้สูงอายุ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพอย่างเคร่งครัด รับประทานอาหารเสริม และถือเป็นกลุ่มประชากรที่มีอำนาจต่อรองในการซื้อ ตลอดจนมีกำลังซื้อสูง เนื่องจากมีเงินเก็บจากการทำงานมาทั้งชีวิต ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการด้านวิตามินและอาหารเสริมที่ต้องเร่งสนับสนุนและดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุให้มีประสิทธิภาพและเพื่อสอดรับกับประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) ด้วย โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (เฮลท์) ซิลเวอร์ คอลลาเจน ไทพ์ทู พลัส แคลเซียม (Silver Collagen Type II Plus Calcium) เป็นคอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Collagen Tripeptide) เสริมด้วยแคลเซียม วิตามินดี 3 และเค 2 ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและกระดูก พร้อมเจาะกลุ่มผู้บริโภคอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์คอลลาเจนสูตรใหม่ 500 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ และพร้อมวางจำหน่ายทุกช่องทางในวันที่ 6 มิถุนายน นี้
ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีเป้ารุกตลาดอย่างเข้มข้นเพื่อรองรับการขยายของธุรกิจและบรรลุยอดขายปีนี้สู่ 3,000 ล้านบาท โดยปรับกลยุทธ์การเปิดรับตัวแทนจำหน่ายใหม่ทั่วประเทศ ถือเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายหลักที่แข็งแกร่งของบริษัทมาตั้งแต่เปิดบริษัทในปี 2557 ซึ่งบริษัทไม่ได้เปิดรับตัวแทนมานานกว่า 7 ปี และในปีนี้เพื่อเป็นการฉลองที่บริษัทก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 จึงได้จัดแคมเปญยิ่งใหญ่เพื่อเชิญชวนให้คนไทยมาสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายของอมาโด้ บริษัทจัดคลาสเรียนออนไลน์เพื่อถ่ายทอดทักษะ ความรู้ และความเชี่ยวชาญทางการขายออนไลน์ของบริษัทมาสอนตัวแทนฯ และยังเปิดโอกาสให้คนไทยได้สร้างอาชีพและรายได้ในช่วงวิกฤตนี้ด้วยภายใต้แคมเปญ 10 วัน 10,000 บาท ซึ่งบริษัทยึดหลักธรรมาภิบาลในการขายของที่ดีในราคาที่จับต้องได้ สินค้าที่ดีคือสินค้าที่มีราคายุติธรรม และด้วยตัวสินค้าของบริษัทที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพและมาตรฐานเชื่อถือได้ โดยผ่านโรงงานที่มีคุณภาพได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP, ISO และ HACCP ทำให้บริษัทมีลูกค้าประจำที่สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ซ้ำอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็น Brand Loyalty ถือเป็นการการันตีได้ถึงความเชื่อมั่นกับบริษัทได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทมีสื่อและช่องทางการทำการตลาดเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการทำงานให้แก่ตัวแทนมากมาย เช่น สื่อทางโทรทัศน์ ออนไลน์ ร้านค้าอมาโด้ และสื่อนอกบ้าน (Out of Home) เป็นต้น และยังมีการส่งเสริมการตลาด (โปรโมชัน) เพื่อกระตุ้นยอดขายเพื่อเป็นเครื่องมือและกลยุทธ์สำหรับตัวแทนฯ ในการจูงใจให้ลูกค้าซื้อซ้ำด้วย คาดว่าแคมเปญนี้จะกระตุ้นยอดขายได้ถึง 3-5% และตัวแทนฯ จะเพิ่มขึ้นตามเป้าที่วางไว้ประมาณ 1,000 รายทั่วประเทศ
นายพร้อมวิชญ์ กรณ์อัศวกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมียอดขายทะลุกว่า 1,000 ล้านบาท โดยยอดขายดังกล่าวมาจาก 1.) ตัวแทนจำหน่าย 300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนของตัวแทนฯ อยู่ที่ 30% ซึ่งมีตัวแทนทั้งประเทศเพียง 35 คน 2.) ช่องทางออนไลน์ของบริษัททั้งโซเชียลคอมเมิร์ซและอี-มาร์เก็ตเพลส จำนวน 150 ล้านบาท คิดเป็น 15% 3.) เทเลเซลล์ 500 ล้านบาท คิดเป็น 50% 4.) ร้านค้าอมาโด้หรือคี-ออสบนศูนย์การค้าชั้นนำทั่วประเทศ 30 ล้านบาท คิดเป็น 3% ในช่องทางนี้ลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่บ้านและไม่ได้จับจ่ายซื้อของในห้างเช่นเดิม 5.) โมเดิร์นเทรดและต่างประเทศ 20 ล้านบาท คิดเป็น 2% ทั้งนี้ เราคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ยอดขายจะสูงสุด บริษัทจึงจำเป็นต้องขยายจำนวนตัวแทนฯ พัฒนาสินค้าเพิ่ม หาพันธมิตรทางการค้าใหม่ๆ ทั้งช่องทางการฝากขายใหม่ๆ (โมเดิร์นเทรด) ลูกค้าจีพีช่องทางขาย Amado Shopping ตลอดจนการขยายร้านค้าอมาโด้หรือคี-ออสบนศูนย์การค้าใหม่ๆ เพื่อบรรลุยอดขายปีนี้ 3,000 ล้านบาท พร้อมให้บริการผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ที่มา: อมาโด้ กรุ๊ป