โฆษกกระทรวงการคลังได้ย้ำว่า ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จะได้รับ SMS ระบุข้อความ "ลงทะเบียนสำเร็จ โปรดใช้สิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง เริ่มวันที่ 1 ก.ค. 64" จากนั้นขอให้ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชน (Dipchip) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด มหาชน (ธนาคารกรุงไทยฯ) ผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ได้แก่ (1) นำบัตรประจำตัวประชาชนไปยืนยันตัวตนที่สาขา หรือที่ตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทยฯ หรือ (2) ยืนยันตัวตนผ่านตัวเลือก KrungthaiNext ในแอปพลิเคชัน "เป๋าตังเริ่มวันที่ 1 ก.ค. 64" แต่หากที่ผ่านมาได้เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนไว้แล้วก็ไม่ต้องยืนยันตัวตนในขั้นตอนข้างต้นอีก ทั้งนี้ เมื่อได้ยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้วจึงจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ที่เข้าร่วมโครงการได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ในเวลา 6.00 น. - 23.00 น.
สำหรับการลงทะเบียนร้านค้าคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ประกอบการร้านค้าใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในวันแรกแล้วกว่า 40,049 ราย และร้านค้าเดิมที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 และ 2 คาดว่าจะยืนยันเข้าร่วมโครงการครั้งนี้จำนวน 1.2 ล้านราย จึงขอเชิญชวนร้านค้าทั่วไป ผู้ประกอบการบริการนวด สปา ทำผม ทำเล็บ ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะ ที่มีสัญชาติไทยไม่เป็นนิติบุคคลและไม่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้ประกอบการของกองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองหรือวิสาหกิจชุมชน ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และผู้ให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ ที่สนใจเข้าร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป เวลา 06.00 น. - 22.00 น. โดยผู้ที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" แล้ว ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือลงทะเบียนผ่านทางสาขา หรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทยฯ
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง