ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิต NER เป็น "BBB-" จาก "BB+" จากผลการดำเนินงานและจากอุตสาหกรรมที่เรื่มฟื้นตัวดีขึ้น

พฤหัส ๑๗ มิถุนายน ๒๐๒๑ ๑๔:๕๑
ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตของ นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER เป็นระดับ "BBB-" จากเดิมที่ระดับ "BB+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" โดยคาดว่ายอดขายของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปที่ระดับ 44% และอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2564 จะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 12% จากการที่อุตสาหกรรมยานยนต์ค่อย ๆ ฟื้นตัวและภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มดีขึ้น

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทเป็นระดับ "BBB-" จากเดิมที่ระดับ "BB+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ทั้งนี้การเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริษัทตลอดจนความคาดหวังว่าอุตสาหกรรมยางธรรมชาติจะฟื้นตัวและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอันเนื่องมาจากการที่บริษัทมีการประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้นจากการขยายโรงงาน นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางในธุรกิจยางธรรมชาติของประเทศไทยและผลงานที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านการผลิตและการจำหน่ายยางธรรมชาติอีกด้วย

ด้านประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 จากการที่อุตสาหกรรมยานยนต์ค่อย ๆ ฟื้นตัวและภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตามอุปสงค์ในอุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตราเฉลี่ยต่อปีที่ลดลงในระหว่างปี 2565-2566 เนื่องจากสภาวะความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่คลายตัวลงทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทในปี 2564 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปที่ระดับ 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนและจะปรับตัวลดลงที่ระดับ 6% ในปี 2565ก่อนที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงที่ระดับ 2% ในปี 2566

นอกจากนี้ทริสเรทติ้งยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 12% ในปี 2564และจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ10% ต่อปีในช่วงปี 2565-2566และคาดว่าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ10% ในปี 2564 และจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7%-8% ต่อปีในช่วงปี 2565-2566

สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจยางธรรมชาติได้ต่อไปโดยที่บริษัทจะรักษาสถานะสภาพคล่องและสร้างความแข็งแกร่งของงบดุลให้เพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากความผันผวนของราคายางธรรมชาติได้

ที่มา: ธามดี พลัส

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version