นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด(มหาชน) หรือ SECURE ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ (Cyber security) และให้บริการที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยว่าท่ามกลางภาวะทางเศรษฐกิจไทยรวมถึงทั่วโลกจะถดถอยอย่างรุนแรง จากผลกระทบจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 แต่ภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทฯยังสามารถรักษาการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดีได้ โดยในงวดไตรมาส1/2564 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2564) บริษัทมีกำไรสุทธิ 27.78 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 488.29% ขณะที่บริษัทฯมีรายได้รวมเท่ากับ 282.52 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน 192.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 46.44 %
"บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ด้วยบทบาทของการเป็นที่ปรึกษา และพันธมิตรด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ ให้กับองค์กรขนาดใหญ่ทุกภาคส่วน โดยยึดเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงเป็นหัวใจหลัก ทำให้บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ ในระดับภูมิภาคที่มีลูกค้าหลายกลุ่ม อาทิ ภาครัฐ สถาบันการศึกษา สาธารณสุข สถาบันการเงิน กลุ่มผู้ให้บริการ และองค์กรธุรกิจ ขณะเดียวกันเมื่อบริษัทฯเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นแล้ว จะทำให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญจะส่งผลให้ฐานทุนมีความแข็งแกร่ง สามารถเดินหน้าขยายธุรกิจ เพื่อผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง " นายนักรบกล่าว
ด้านนายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกล่าวว่า SECURE เป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ซึ่งหากพิจารณาในแง่ของตัวธุรกิจที่เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ และให้บริการที่เกี่ยวข้องมา 15 ปี ขณะที่ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีมาโดยตลอดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จึงถือเป็นอีกบริษัทที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มในอนาคตยังสามารถที่จะเติบโตต่อไปได้อีกมาก
สำหรับความคืบหน้าในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 27.74 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ขณะนี้ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว และเตรียมพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส3/2564 โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค (Technical Support Center), การลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์(Cyber security),การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
อย่างไรก็ตามในอนาคตบริษัทฯ มีแผนลงทุนสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค และขยายทีมบุคลากรในฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้กับลูกค้า และใช้ในการสาธิตการทำงานของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้ ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ และสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และซอฟต์แวร์ด้าน Cybersecurity ที่จะช่วยในการเชื่อมต่อโซลูชั่นของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่าย เข้ากับระบบต่างๆ ของลูกค้า และอาจมีการร่วมมือกับบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์ เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยอาจรวมถึงการขายซอฟท์แวร์ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (White Label) ตลอดจนการซื้อทรัพย์สินทางปัญญาจากบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์
ที่มา: เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว