PJW เดินเกมรุกต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจ แตกไลน์โมเดลใหม่ ดันNew S-curve สร้างมูลค่าเพิ่ม ลุยตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่ม Medical ปั้นรายได้ 3 ปี แตะพันล้านบาท

พุธ ๒๓ มิถุนายน ๒๐๒๑ ๐๙:๔๕
บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก(PJW) เดินเกมรุกปรับโมเดล ต่อยอดธุรกิจ New S-curve สู่การเติบโตครั้งใหม่ สบช่องแตกไลน์ธุรกิจ Medical ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้ง ส่งซิกเตรียมเปิดตลาดQ4/64 ก่อนลงสนามเต็มสูบ ในปี 65 มั่นใจภายใน 3 ปี ปั้นรายได้เข้ากระเป๋าเพิ่ม 1,000 ล้านบาท พร้อมระบุ 24 มิ.ย.นี้ ขอเสียงโหวตผู้ถือหุ้นออกวอร์แรนต์ 3:1 จำนวนไม่เกิน 191.35 ล้านหน่วย หวังเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน รองรับการขยายกิจการการลงทุนใหม่ในอนาคต

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทขวดและฝาและชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯเดินหน้าปรับกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ โดยมุ่งสู่การต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้บริษัทฯมีอัตราการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต ล่าสุดได้แตกไลน์ธุรกิจขยายการลงทุนทางด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กลุ่ม Medical เครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้ง อาทิ ไซริงค์พลาสติก, วาล์ว สายน้ำเกลือ, เข็มฉีดยา รวมถึงเครื่องมือแพทย์อื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตรอบใหม่ (New S-curve) ให้กับบริษัทฯในอนาคต โดยบริษัทฯได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนมาต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าตลาดในอุตสาหกรรมดังกล่าว มีมาร์จิ้นและแนวโน้มการเติบโตสูง โดยจะเห็นได้จากอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10-15 % ต่อปี จากมูลค่าตลาดในประเทศไทยที่เป็นหลักหลายหมื่นล้านบาท

ส่วนงบการลงทุนในการซื้อเครื่องจักรใหม่ รวมถึงการปรับปรุงพื้นที่โซนการผลิต Medical นั้น บริษัทฯ จะนำเสนอกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาให้ความเห็นและอนุมัติในการประชุมคณะกรรมการต่อไป ทั้งนี้หากแผนการพิจารณามีความชัดเจน บริษัทฯ ก็สามารถดำเนินการผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/2565 ส่งผลให้ในขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเร่งวางแผนทำการตลาดในการเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวมาจำหน่ายให้ทันภายในไตรมาส4/2564 เพื่อทำการตลาด ในเบื้องต้น ก่อนที่จะผลิตและจำหน่ายในเชิงรุกช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า โดยบริษัทฯ จะเน้นเจาะกลุ่มโรงพยาบาล และ ร้านเวชภัณฑ์ ในประเทศเป็นหลัก ทำให้ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะเริ่มมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้ามา และจะมีรายได้จากการผลิตและจำหน่ายเข้ามาชัดเจน ตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 เป็นต้นไป

จากประเด็นในข้างต้น ส่งผลให้บริษัทฯตั้งเป้าในปี 2565 จะรับรู้รายจากธุรกิจดังกล่าวเข้ามากว่า 300 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท ในปี 2567 เนื่องจากบริษัทฯจะรุกตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากตลาดในประเทศ โดยการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจะสอดรับกับนโยบาย ที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของประเทศในภูมิภาค (Medical Hub) ในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ทุ่นลอยน้ำ เพื่อรองรับการลงทุนโครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนน้ำ (Floating Solar) โดยจะเริ่มผลิตและจำหน่ายในปี 2565 เนื่องจากมองว่าผลิตภัณฑ์นี้ มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดวิกฤติการณ์โลกร้อนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ทุกประเทศทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญนโยบายส่งเสริมและพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดมากขึ้น บริษัทฯ จึงเล็งเห็นถึงความต้องการของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

"บริษัทฯ เดินหน้าสู่เป้าหมาย New S-curve มุ่งแตกไลน์ธุรกิจใหม่ เพื่อต่อยอดมูลค่าเพิ่มในธุรกิจเดิม โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 กลุ่ม คือ เครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้ง และผลิตภัณฑ์ทุ่นลอยน้ำ เนื่องจากทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ยังมีดีมานด์การเติบโตอย่างต่อเนื่องและได้รับอานิสงส์จากนโยบายการ กรณีที่ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็น Medical Hub รวมถึงนโยบายการส่งเสริมโครงการพลังงานสะอาด ดังนั้นโดยส่วนตัวมองว่า การต่อจิ๊กซอว์โมเดลทางธุรกิจในครั้งนี้จะหนุนให้บริษัทฯมีแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ"

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5 -10% จากทิศทางการฟื้นตัวของทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ คือ กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นพลาสติก ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก และธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในครึ่งปีหลังปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ทำให้สามารถลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายในปีนี้ได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ จัดประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขอพิจารณาอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่1 (PJW-W1) จำนวนไม่เกิน 191.35 ล้านหน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ อายุ 3 ปี มีราคาใช้สิทธิแปลงสภาพที่ 3 บาทต่อหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ PJW-W1 โดยเม็ดเงินที่ได้จากการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญครั้งนี้ เป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อรองรับการขยายกิจการการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทฯในอนาคต ในการนำไปเป็นเงินทุนในการขยายและต่อยอดการลงทุนของบริษัทฯสำหรับการขยายและต่อยอดในธุรกิจ New S-curve

ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version