นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด(มหาชน) หรือ SECURE เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้เปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 27.74 ล้านหุ้นหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ 16 บาท ระหว่างวันที่ 23-25 มิถุนายน 2564 ปรากฏว่า กระแสตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม มีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเต็มจำนวน สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตได้ต่อเนื่อง และปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันมั่นใจว่าหุ้น SECURE จะได้รับการตอบรับที่ดีในวันเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยี ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้
การเสนอขายหุ้นครั้งนี้ได้แบ่งจัดสรรให้กับ บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ จำนวน 16,461,800 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 59.34 ผู้ลงทุนสถาบัน และนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อจำนวน 6,935,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.00 ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ จำนวน 2,353,500 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 8.48 นอกจากนี้ได้จัดสรรให้กับ กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัทฯ จำนวน 1,990,700 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 7.18 รวมทั้งหมด 27,741,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 100.00
นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด(มหาชน) หรือ SECURE กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นไอพีโอ ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ (Cyber security) และให้บริการที่เกี่ยวข้องที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างตรงจุด โดยมีผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง
สำหรับเป้าหมายในการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต อาทิ การสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค (Technical Support Center), การลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Cyber security,การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพให้มีความแข็งแกร่ง และมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่ดีด้านการบริหารงานด้วยความโปร่งใส ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและลูกค้า ตลอดจนสร้างการรับรู้ความเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ และบริการมากขึ้น
"มั่นใจว่าธุรกิจของ SECURE ในอนาคตจะสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามเทรนด์ของอุตสาหกรรมที่มีความต้องการป้องกันระบบข้อมูลเพิ่มขึ้น และเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาด mai จะทำให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะฐานทุนสูงขึ้นสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจ รวมทั้งสนับสนุนฐานะการเงินให้แข็งแกร่งตลอดจนมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ได้รับการยอมรับจากคู่ค้า และสิ่งที่สำคัญสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน"นายนักรบกล่าวในที่สุด
ที่มา: เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว