นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) ("PACO") เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่ เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ของโลก คือ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเริ่มจาก ผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid) ซึ่งขณะนี้ PACO ได้ผลิต แบตเตอรี่คูลเลอร์ สำหรับ Tesla ซึ่งเป็น แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก สำหรับรุ่น Tesla Model X และ Tesla 3 ตลอดจน รถยนต์ Plug-in Hybrid แบรนด์ BMW Series 3 และ Series 5 รุ่นปัจจุบัน (G20 และ G30) ซึ่งได้รับความนิยมสูงทั่วโลก โดย PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทดแทนรายแรกของไทย ที่เริ่มเปิดตลาดแบตเตอรี่คูลเลอร์ ทั้งตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ
" ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า(EV) เป็นตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง และจะเข้ามาแทนที่ตลาดรถยนต์ที่ใช้น้ำมันในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป และ ประเทศจีนซึ่งเป็น 1 ในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากทุกปี มีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ และ จำหน่ายในราคาที่แข่งขันได้กับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน (IC) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยี่แบตเตอร์รี่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกปี สามารถขับรถได้ระยะทางได้ไกลขึ้น ( 400-500 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง และแบตเตอรี่มี ราคาถูกลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ Plug-in Hybrid ทั่วโลกมากกว่า 11 ล้านคัน ณ สิ้นปี 2563 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 230 ล้านคันภายในปี 2573 จึงเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่พอสมควร โดยผลิตภัณฑ์ของ PACO มีจุดเด่นที่ มีคุณภาพเทียบเคียงกับอะไหล่แท้ ในราคาที่ต่ำกว่าประมาณกว่า 200% และมีการรับประกันสินค้านานถึง 12 เดือน โดยบริษัทฯจะ มุ่งเน้นตลาดส่งออกเป็นหลักและมีวางจำหน่ายตลาดในประเทศในเครือข่ายร้าน PACO Auto Shop กว่า 200 สาขาในปัจจุบัน" นายสมชายกล่าว
" ปีนี้ เราเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ทั่วโลกฟื้นตัวดี มีคำสั่งซื้อรถยนต์ใหม่ และ อะไหล่รถยนต์เพิ่มมากขึ้น โดยตลาดส่งออกหลักของบริษัทฯ คือ ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันที่มากขึ้นจากการเปิดเมือง ของ สหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป ทำให้บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อแอร์รถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าหลักเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้บริษัทฯได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเนื่องจากรายได้หลักของบริษัทฯซึ่งมาจากการส่งออกกว่า 60% ประกอบกับราคาวัตถุดิบเริ่ม ปรับตัวลดลง ส่วนตลาดในประเทศ PACO มั่นใจว่าแผนการขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub ได้ถึง 300 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขาย ตลอดจนสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่ รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ และเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า จึงมั่นใจว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเติบโตมากกว่าเป้าหมาย 15%
อนึ่ง ในไตรมาส1/2564 PACO มีรายได้รวม 182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28 % จากรายได้รวม 141.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 มีกำไรขั้นต้น 48.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 206% จากเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 9.37 ล้านบาทในไตรมาส 4/2563 โดย PACO มีอัตรากำไรสุทธิ ( Net Margin) ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1 ปีนี้ เรามีอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็น 15.4% เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอัตรา 12% ในปีก่อนสูง และเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยของผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ OEM ที่ประมาณ 5-10% เนื่องจาก PACO เน้นตลาดอะไหล่ทดแทน ( Aftermarket Parts) จึงสามารถกำหนดราคาขายสินค้าได้เองและมีการแข่งขันด้านราคาที่น้อยกว่า"
บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี เป็น 1 ในผู้บุกเบิกการผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ของไทย และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อะไหล่แอร์รถยนต์แบบครบวงจร ทั้ง คอยล์ร้อน และคอยล์เย็น สำหรับรถที่มียอดจำหน่ายปานกลางถึงสูง ทั้งรถญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกัน รวมมากถึง 2,600 รุ่น โดยบริษัทฯ มี โรงงานผลิต 3 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และได้จำหน่ายสินค้าภายในประเทศ และ ส่งออกไปทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียและออสเตรเลีย"
ที่มา: แบรนด์ เวลท์