ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ได้มีมติอนุมัติหลักการโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงเสนอ ภายใต้วงเงินสินเชื่อรวม 1,800 ล้านบาท และยังมีกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 270 ล้านบาท เป็นการรับภาระช่วยเหลือด้านดอกเบี้ย ทั้งนี้ จะทำการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้กู้รายบุคคลในอัตราดอกเบี้ย MRR ต่อปี ส่วนผู้กู้ที่เป็นนิติบุคคลอัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี โดยภาครัฐจะชดเชยดอกเบี้ยแทนผู้กู้ อัตราร้อยละ 3 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่กู้เป็นระยะเวลา 5 ปี และค่าดำเนินการของกรมประมงในการชี้แจง ประชาสัมพันธ์โครงการ และติดตามโครงการ จำนวน 3.85 ล้านบาท
สำหรับโครงการดังกล่าวฯ จะแบ่งความช่วยเหลือในการสนับสนุนสินเชื่อออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
๑. เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้ ที่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือเกษตรกรที่ได้แจ้งการประกอบกิจการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุม ประเภทกิจการการเพาะเลี้ยงจระเข้ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน ๖oo ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจระเข้ให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการจำนวนจระเข้ ๖๐๐,๐๐๐ ตัว ตัวละ ๑,๐๐๐ บาท
๒. ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ที่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน ๑,๒๐๐ ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแปรรูปจระเข้ จำนวนจระเข้ ๖๐๐,๐๐๐ ตัว ตัวละ ๒,๐๐๐ บาท
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการโครงการดังกล่าวฯ แล้ว กรมประมงจะแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดทำข้อกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ และจะร่วมกับ ธ.ก.ส. ในการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวฯ ให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้รับรู้ เพื่อดำเนินการยื่นความประสงค์เข้าร่วมโครงการได้ในระหว่างเดือนตุลาคม 2564 ถึง เมษายน 2565 โดยพร้อมจะทยอยปล่อยสินเชื่อได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึง เดือนกันยายน 2565 และจะมีการติดตามการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ กรมประมงเชื่อมั่นว่าการเสริมสภาพคล่องด้วยโครงการจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งระบบ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้สามารถฝ่าฟันผลกระทบดังกล่าวได้ และกลับมาประกอบธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินจำนวนมากให้กับประเทศได้อีกครั้ง นอกจากนี้ กรมประมงยังมีการวางแนวทางการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในด้านอื่น ๆ เช่น การส่งเสริมบริโภคเนื้อจระเข้ในตลาดภายในประเทศ โดยสนับสนุนให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค รวมทั้งเตรียมแผนการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์จระเข้ทั้งตลาดภายในและต่างประเทศหลังจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ร่วมกับสมาคม ชมรม ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่มา: กรมประมง