นอกจากนี้ แสนสิริยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นในครึ่งปีแรก โดยมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 16,400 ล้านบาท เกินเป้าหมายในช่วงครึ่งปีแรก หรือคิดเป็น 53% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท พร้อมสภาพคล่องที่มีในมือถึง 15,000 ล้านบาท ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลัง เราพร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริยังคงวางแผนพัฒนาโครงการใหม่อย่างระมัดระวัง โดยมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ไว้อีกประมาณ 20 โครงการ มูลค่ารวม 19,400 ล้านบาท
พร้อมเป้ายอดขายและเป้าโอน 31,000 ล้านบาท แสนสิริยังมีกลยุทธ์การพัฒนาโครงการใหม่ที่ไซส์ไม่ใหญ่ แต่กระจายในหลายทำเล เพื่อ Inventory ที่เหมาะสมและได้ cash กลับมาเร็ว รวมถึงแผนออกหุ้นกู้ที่เหมาะสมเพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพด้านการบริหารต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ยอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ
โดยล่าสุดแสนสิริได้เตรียมออกเสนอขายหุ้นกู้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจต่อเนื่องในปีนี้ จากความสำเร็จในการได้รับความเชื่อมั่นในการเป็น "แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน"
"ช่วงต้นปีที่ผ่านมา นักลงทุนตอบรับหุ้นกู้ของแสนสิริเป็นอย่างดี จากการออกหุ้นกู้รวม 3,600 ล้านบาท ขณะที่มียอด Oversubscribe เกือบ 4,000 ล้านบาท การให้การตอบรับที่ดี และเสนอขายครบเต็มจำนวน นับเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวมธุรกิจของบริษัทที่ทำผลงานได้ดี ภายใต้สภาวะตลาดที่ยังคงมีความผันผวนสูง ในสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด รวมถึงหุ้นกู้แสนสิริที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ดี สะท้อนผ่านอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" จาก ทริสเรทติ้ง
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและความหลากหลายของสินค้าของแสนสิริ ที่มีทั้งโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม มิกซ์โปรดักส์ และคอนโดมิเนียม รวมทั้งความแข็งแกร่งระยะยาวในอนาคต ด้วยยอดขายรอโอน (Backlog) (รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม) มูลค่ารวมประมาณ 31,900 ล้านบาท" นางสาววรางคณา กล่าว
ล่าสุด แสนสิริได้เตรียมเสนอขายหุ้นกู้เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านการบริหารต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ยอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุหุ้นกู้ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะอยู่ที่ 3.80 - 3.90% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ให้แก่ ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน สำหรับหุ้นกู้ครั้งที่ 4/2564 นี้ ได้รับความเชื่อมั่นจาก 10 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ในการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่24 - 26 สิงหาคมนี้
สำหรับนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 10 แห่ง ดังนี้
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking ได้อีก 1 ช่องทาง)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Money Connect by Krungthai ได้อีก 1 ช่องทาง)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 ต่อ 819 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านhttps://www.kasikornbank.com/kmyinvest
(ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) - ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB Easy ได้อีก 1 ช่องทาง)
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)
- ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1428 กด #4
- บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) รวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555
- บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด โทร. 02-695-5000
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
- บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด โทร. 02-625-2442
ที่มา: แสนสิริ