นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. สยามเทคนิคคอนกรีต เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดวัสดุก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "STECH" ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 นี้
STECH ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงภายใต้เครื่องหมายการค้า STEC ได้แก่ เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรงและผลิตภัณฑ์ประกอบเสาไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์คานสะพานและพื้นสะพาน เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงโดยใช้แรงเหวี่ยง โดยให้บริการแก่ลูกค้าทั้งภาครัฐบาลและเอกชน พร้อมกับการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องอย่างครบวงจร เช่น บริการขนส่งและตอกเสาเข็ม ทั้งนี้บริษัทยังมีศักยภาพในการทำงานรับเหมาก่อสร้างที่เกี่ยวกับธุรกิจหลัก โดยมีประสบการณ์ในงานติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kV และงานติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสง
STECH มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 725 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 521.5 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 203.5 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 13 - 16 กรกฎาคม 2564 ในราคาหุ้นละ 2.78 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 565.73 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,015.5 ล้านบาท การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) 14.14 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทฯ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ โดยมี บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ STECH จะได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท และเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงในโครงการต่างๆ โดยลงทุนในโรงงานแห่งใหม่ 2 แห่งที่ชลบุรีและมุกดาหาร รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานเดิม เพื่อย้ำจุดแข็งการมีโรงงานกระจายอยู่ในหลายภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะใช้ในชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
STECH มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงิน สภาพคล่อง แผนการขยายธุรกิจ ความจำเป็นและความเหมาะสมในอนาคตและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการบริหารงานของบริษัทฯ ตามความเห็นสมควรหรือเหมาะสมของคณะกรรมการบริษัทฯ
ทั้งนี้ หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ บริษัท ร่วมชัยกิจ จำกัด ถือหุ้น 49.24% กลุ่มครอบครัวมงคลศรีสวัสดิ ถือหุ้น 10.11% และกลุ่มครอบครัววงค์ธนานันท์ ถือหุ้น 3.89% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปที่ www.stec.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย