" การแก้ไขหนี้เกษตรกรกรณีที่มีบุคคลค้ำประกัน คาดว่า จะต้องใช้เงินประมาณ 10,000 ล้านบาทในการเข้าไปซื้อหนี้แทนตามระเบียบของกองทุนฟื้นฟูฯ ดังนั้นจึงกองทุนฟื้นฟูฯจึงได้เสนอของบประมาณจากรัฐบาลจำนวน 4,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแปรญัตติของบประมาณของปี 2565 เพื่อมาดำเนินจัดการหนี้ให้กับเกษตรกรสมาชิกชุดแรกที่ตั้งเป้าไว้ ประมาณ 45,000 ราย "
นายมนัส กล่าวต่อไปว่า ส่วนหลักเกณฑ์ในการเจรจาหนี้ NPL ตามระเบียบของของกองทุนฟื้นฟูฯ นั้นจะประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ หนึ่ง เจรจาเพื่อขอประนอมหนี้ให้กับพี่น้องเกษตรกร สอง เจรจาเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ สาม เจรจาเพื่อขอให้เจ้าหนี้ชะลอการดำเนินการทางกฎหมาย ไม่ฟ้องดำเนินคดี หรือไม่บังคับคดีขายทอดตลาด และสี่ เกษตรกรสมาชิกรายไหนที่อยู่ระหว่างการฟ้องบังคับคดีขายทอดตลาด ทางกองทุนฟื้นฟูฯจะไปขอชะลอให้งดการขาย หรือถ้าเกษตรกรมีคุณสมบัติถูกต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเจ้าหนี้ยินยอมขาย ตามเงื่อนไข จะนำไปสู่การชำระหนี้แทนโดยกองทุนฟื้นฟูฯ
ทั้งนี้ ตามระเบียบ กรณีที่มีบุคคลค้ำประกัน กองทุนฟื้นฟูฯให้สิทธิชำระหนี้ได้ รายละไม่เกิน 500,000 บาท และเกษตรกรมีระยะเวลาชำระหนี้ภายใน 20 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย โดยระหว่างนี้เกษตรกรต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูอาชีพ โดยยื่นโครงการฟื้นฟูอาชีพผ่านองค์กรเกษตรกรที่สังกัด ซึ่งจะได้รับสนับสนุนงบประมาณทั้ง แบบให้เปล่าเพื่อใช้เรียนรู้ศึกษาดูงาน ฝึกทักษะอาชีพ และอื่น ๆ และงบอุดหนุน กู้ยืม โดยไม่มีดอกเบี้ย เพื่อใช้เป็นทุนสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อนำมาชำระหนี้คืน
"การช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้นั้น ขอยืนยันว่ากองทุนฟื้นฟูฯ ไม่มีเป้าประสงค์ที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรหนีหนี้ เบี้ยวหนี้ หรือไม่รับผิดชอบหนี้ แต่กลับมีความต้องการและเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดการรักษาเครดิต และมีวินัยทางการเงิน จึงของฝากถึงพี่น้องเกษตรกร ทั้งที่เป็นสมาชิกและยังไม่ได้เป็นสมาชิก ถ้ามีปัญหาเรื่องหนี้ ประสบปัญหาวิกฤตจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ ให้มาแจ้งกองทุนฟื้นฟูฯ เพื่อที่จะได้ช่วยกันเจรจาหาทางออก โดยติดต่อได้ที่สำนักงานสาขาจังหวัด รวมถึงเกษตรกรที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สามารถสมัครได้ในทุกวันทำการที่สำนักงานสาขาจังหวัดเช่นกัน"นายมนัส กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร