การมาถึงของวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคจำนวน 1.5 ล้านโดส เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวัคซีนที่สหรัฐอเมริกาบริจาคให้แก่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ประเทศไทย และภูมิภาคนี้เร่งการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียมกันเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนมีความปลอดภัย และทำให้ประเทศเหล่านี้สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
"ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจ และได้รับการมอบหมายจากลูกค้าให้เราได้ดูแลการขนส่งวัคซีนครั้งสำคัญนี้ ซึ่งเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าจากการติดเชื้อโควิด-19 เราภูมิใจที่ได้ใช้ความเชี่ยวชาญของเรา และเน็ตเวิร์คของดีเอชแอลในการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่สำคัญต่อการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้ตามข้อกำหนดด้านการขนส่งที่เคร่งครัดเพื่อร่วมผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้" เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าว "จากข้อมูลล่าสุดจนถึงวันนี้ ดีเอชแอลได้ขนส่งวัคซีนรวมทั้งหมดเกือบ 550 ล้านโดส ไปยังปลายทาง 147 ประเทศทั่วโลก สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของบริษัทในการเชื่อมต่อผู้คนและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น (Connecting people, improving lives) นอกจากนี้ พวกเราภูมิใจกับบทบาทสำคัญที่ทำอย่างต่อเนื่องในการส่งต่อความปลอดภัย วิถีชีวิตใหม่ให้กับธุรกิจและสังคมที่เราอยู่"
หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญประการหนึ่งสำหรับการขนส่งวัคซีนโควิด-19 ครั้งนี้คือ ข้อกำหนดที่เคร่งครัดในการรักษาอุณหภูมิของวัคซีน ดังนั้น วัคซีนจึงถูกจัดเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ซึ่งได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อการควบคุมอุณหภูมิ และในแต่ละกล่องมีการบรรจุน้ำแข็งแห้งเพื่อควบคุมอุณหภูมิสำหรับการใช้งานในสถานที่ต่างๆ ที่ไม่มีจุดจัดเก็บรักษาระดับอุณหภูมิได้ตามที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับอุณหภูมิพร้อมด้วยเทคโนโลยี GPS ภายในบรรจุภัณฑ์แต่ละกล่อง เพื่อสามารถทำการตรวจสอบได้อย่างต่อเนื่องตลอดเส้นทางการขนส่ง
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้ดำเนินการรับวัคซีนจากสถานที่เก็บวัคซีนในสหรัฐฯ ก่อนที่จะขนส่งทางเครื่องบินมายังศูนย์กระจายสินค้า กรุงเทพฯ ของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เพื่อจัดส่งไปยังสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย ตามที่กำหนดไว้
ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 9,000 คนทำงานภายใต้เน็ตเวิร์คระดับโลกของดีเอชแอล เพื่อให้บริการแก่องค์กรด้านเภสัชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ การทดลองทางคลินิกและหน่วยงานเพื่อการวิจัย รวมถึงผู้ค้าส่งและตัวแทนจำหน่าย โรงพยาบาลและผู้ให้บริการสาธารณสุข เชื่อมโยงเข้าด้วยกันบนห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) พร้อมเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลในทุกขั้นตอน ครอบคลุมตั้งแต่ส่วนของการวิจัยทางคลินิกจนถึงหน่วยงานบริการดูแลรักษาผู้ป่วยต่างๆ
ดีเอชแอลมีบุคลากร อุปกรณ์ และสถานที่สำหรับการขนส่งพัสดุภัณฑ์ทางการแพทย์ เช่น เภสัชกรกว่า 150 คน, คลังเก็บสินค้าสำหรับการวิจัยทางคลินิกกว่า 20 แห่ง, สถานีกระจายสินค้าที่ผ่านการรับรองกว่า 100 แห่ง, คลังสินค้าที่ผ่านการรับรอง GDP กว่า 160 แห่ง, ศูนย์บริการที่ผ่านการรับรอง GMP กว่า 15 แห่ง, ศูนย์บริการขนส่งด่วนสำหรับพัสดุภัณฑ์ทางการแพทย์กว่า 135 แห่ง และเน็ตเวิร์คการขนส่งด่วนระหว่างประเทศภายในเวลาที่กำหนด (time-definite) ครอบคลุมกว่า 220 ประเทศทั่วโลก
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกในปัจจุบัน ผู้ให้บริการลอจิสติกส์จำเป็นต้องสร้างระบบซัพพลายเชนทางการแพทย์ (medical supply) อย่างรวดเร็ว เพื่อการขนส่งวัคซีนจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกว่า 10,000 ล้านโดสทั่วโลก รวมถึงการจัดส่งไปยังภูมิภาคที่โครงสร้างพื้นฐานลอจิสติกส์ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ซึ่งมีประชากรราว 3 พันล้านคนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคเหล่านั้น สำหรับการให้บริการขนส่งทั่วโลกในสองปีข้างหน้า ดีเอชแอลประเมินการให้บริการลอจิสติกส์สำหรับวัคซีนไว้ในรายงานว่า จะต้องใช้พาเลทสำหรับการขนส่งมากถึง 200,000 ชุด รวมถึงกล่องเก็บความเย็นถึง 15 ล้านกล่อง และเที่ยวบินขนส่งกว่า 15,000 เที่ยวบิน เพื่อรองรับซัพพลายเชนที่หลากหลาย
ที่มา: ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย