กู๊ดวีคว้าตำแหน่งผู้ผลิตไฮบริดอินเวอร์เตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในเอเชียแปซิฟิก

ทางมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการตรวจสอบระบบจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าเป็นประจำทุกปี ดังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "EffiBat" ซึ่งได้รับทุนจากมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งรัฐบาลกลางเยอรมนี (German Federal Environmental Foundation) ด้วยวัตถุประสงค์ของโครงการคือ เพื่อประเมินประสิทธิภาพพลังงาน ของระบบแบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

การทดสอบระบบจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ในปีนี้ ดำเนินการตรวจสอบดัชนีประสิทธิภาพระบบ (System Performance Index: SPI) ของระบบจัดเก็บพลังงานที่แตกต่างกันรวม 20 ระบบในระดับกำลังไฟ 5 และ 10 กิโลวัตต์ โดยเครื่องอินเวอร์เตอร์แบบไฮบริดของกู๊ดวี ซีรี่ส์ ET และ EH สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นล้ำหน้าคู่แข่งอีกครั้งในปีนี้ ด้วยค่าดัชนี SPI ที่ 93.4% และ 91.2% ตามลำดับ

(อินเวอร์เตอร์จัดเก็บพลังงานแบบ 3 เฟส)   (อินเวอร์เตอร์จัดเก็บพลังงานแบบเฟสเดียว)  

เครื่องไฮบริดอินเวอร์เตอร์แบบ 3 เฟส รุ่น ET Series สามารถทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูง ครอบคลุมกำลังไฟฟ้าตั้งแต่ 5-10 กิโลวัตต์ โดยเครื่องอินเวอร์เตอร์ ET Series สามารถจ่ายกำลังไฟฟ้าเกิน (Overloading) ได้สูงถึง 10% เพื่อเพิ่มกำลังไฟฟ้าสูงสุดให้กับระบบและมีฟีเจอร์การจ่ายกำลังไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง (Uninterrupted Power Supply) ไปยังโหลดชนิดเหนี่ยวนำ (Inductive load) ด้วยระบบการโอนย้ายโหลดอัตโนมัติที่ใช้เวลาน้อยกว่า 10 มิลลิวินาที (ms) ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าเมื่อหมดพลังงานจากในระบบกริดมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นและสลับเป็นใช้งานด้วยระบบแบตเตอรี่แทน อีกทั้งยังสามารถทำงานได้อย่างอิสระเมื่อพลังงานจากระบบกริดตกหรือลดต่ำลง

สำหรับอินเวอร์เตอร์โซลาร์แบบ Grid-Tied รุ่น EH Series แบบเฟสเดียว ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับแบตเตอรี่แรงดันสูงโดยเฉพาะ ซึ่งมีฟีเจอร์ "Battery Ready" สำหรับให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดระบบเป็นโซลูชันการจัดเก็บพลังงานเต็มรูปแบบได้ด้วยการซื้อรหัสเปิดใช้งาน (Activation code) เครื่องรุ่น EH Series ใช้งานได้กับแบตเตอรี่แรงดันสูง (85-450 โวลต์) และสามารถเปลี่ยนสู่โหมดสำรองไฟฟ้า (Back-up Mode) ได้แบบอัตโนมัติภายในเวลาเพียง 0.01 วินาที (UPS level) ช่วยรับประกันว่าโหลดที่วิกฤต (Critical loads) จะได้รับกำลังไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอน 

ด้วยฟีเจอร์การทำงานที่โดดเด่น ทำให้เครื่องรุ่น GoodWe 5000-EH สามารถรั้งอันดับ 2 ในการทดสอบกับกรณีอ้างอิงที่เล็กกว่า (5 MWh ต่อการใช้ไฟด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ 5 kWp) และเครื่องรุ่น GoodWe 10k-ET ยังทำคะแนนได้ดีมาก โดยห่างจากระบบที่ดีที่สุดเพียง 1.7 จุด ในกรณีอ้างอิงลำดับสอง (10 MWh ต่อการใช้ไฟกับรถยนต์ไฟฟ้าและปั๊มความร้อน)

ดัชนีประสิทธิภาพระบบ (System Performance Index: SPI) ซึ่งกำหนดโดยทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (HTW) ถือเป็นดัชนีทางเศรษฐศาสตร์และทำหน้าที่ชี้วัดว่าระบบที่ถูกนำมาทดสอบสามารถช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้มากเท่าใดเมื่อเปรียบเทียบกับระบบจัดเก็บพลังงานในอุดมคติ ยิ่งคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพดีขึ้นมากเพียงใด เช่น ประสิทธิภาพการแปลงพลังงานไฟฟ้า ความเร็วในการควบคุม หรือการกินไฟช่วงสแตนด์บาย ก็จะยิ่งช่วยประหยัดต้นทุนได้มากเท่านั้น 

อีกหนึ่งเรื่องที่การศึกษาครั้งนี้ให้ความสำคัญ คือการออกแบบระบบจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ การจำลองแบบและการวิเคราะห์ที่ถูกนำมาดำเนินการแสดงให้เห็นว่าการกำหนดขนาดของระบบการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ รวมถึงระบบจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าตามความจำเป็นในการใช้งานนั้น มีความสำคัญอย่างมากจากมุมมองทางเศรษฐกิจ ยิ่งระบบการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์มีขนาดใหญ่เท่าใด ก็ยิ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากขึ้นเท่านั้น หลังคาใดๆที่สามารถติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ได้ควรนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า เพื่อเพิ่มระดับการพึ่งพาตนเองและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้เครื่องอินเวอร์เตอร์แบบไฮบริดทั้งสองรุ่นของกู๊ดวีทั้ง 5000-EH และ 10k-ET พร้อมการติดตั้งระบบจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์อย่างง่ายจะให้ประโยชน์ตอบแทนแก่เจ้าของบ้าน ไม่เพียงแต่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น แต่ยังช่วยการประหยัดค่าไฟฟ้าอีกด้วย 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://en.goodwe.com/ 

สามารถส่งคำถามมาได้ที่ [email protected]  

ที่มา: มิดัส คอมมิวนิเคชั่น อินเตอร์เนชั่นเนล