นายซุง ชง ทอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจรด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 (เมษายน-มิถุนายน) แม้จะมีสถานการณ์แพร่ระบาดของ Covid-19 ที่รุนแรงขึ้น บริษัทฯ ยังสามารถผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ด้วยกำไรสุทธิ 37.18 ล้านบาท เติบโต 114.7% หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 17.32 ล้านบาท และขยายตัวเพิ่มขึ้น 30.8% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่รายได้จากการขายรวมทำได้ 219.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายรวมที่ 166.03 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 18.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564
ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวมาจากขีดความสามารถด้านการแข่งขันที่ดีของ SFT จากการตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนและอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์สีทาบ้าน ที่มีออเดอร์การผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปสูงขึ้น หลังเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ของไลน์การผลิตใหม่ในช่วงเดือนมิถุนายนนที่ผ่านมา รวมถึงประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้อัตราการใช้เครื่องจักรโดยเฉลี่ยปรับตัวขึ้นเป็น 85.2% ของกำลังการผลิตรวม ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง (Economy of Scale) รวมถึงการบริหารจัดการด้านวัตถุดิบที่ดี เป็นผลให้ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) SFT ทำกำไรสุทธิสูงถึง 65.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลการดำเนินงานครั้งนี้ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมของ SFT ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เข้ามาใช้บริการในการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปของเราเพื่อนำไปช่วยสร้างภาพลักษณ์ และมูลค่าเพิ่มแก่แบรนด์สินค้า ตลอดจนการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตได้ส่งเสริมอัตราเติบโตของกำไรได้ดี แม้มีปัจจัยลบ Covid-19 ที่แพร่ระบาดมากขึ้นก็ตาม" นายซุง ชง ทอย กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFT กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการฉลากฟิล์มหดรัดรูปอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความสามารถด้านการผลิตให้มีคุณภาพสูงสุด เนื่องจากไลน์การผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูป โดยเฉพาะระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์ ที่มีการรองรับดีมานต์ความต้องการลูกค้าจากยอดออเดอร์การผลิตฉลากที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโต 15-20% ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นม
นอกจากนี้ SFT จะไม่หยุดยั้งในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจรองรับโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ โดยนำความเชี่ยวชาญด้านการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูป สู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Digital Flexible Packaging คาดว่าจะเริ่มทดลองตลาดได้ภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย