นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและผู้นำเข้าและค้าส่งอุปกรณ์เครือข่ายส่งสัญญาณ เปิดเผยว่า "ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 มีรายได้รวม 1,187.59 ล้านบาท ลดลง 4.39% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (หลังหักรายการพิเศษ) ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 81.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.79% ทำให้มั่นใจได้ว่าแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2564 จะทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี ในขณะที่แนวโน้มรายได้ครึ่งปีหลังจะพุ่งสูงขึ้นจากทุกธุรกิจ ทำให้ยังคงเป้ารายได้ปี 2564 ที่ 6,000 ล้านบาท"
ธุรกิจจัดจำหน่าย (Distribution) ไตรมาสสองมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 484.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.18% และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 48.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.79% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมการดำเนินธุรกิจดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะเผชิญกับข้อจำกัดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่ธุรกิจจัดจำหน่ายได้รับปัจจัยบวกจากการก่อสร้างโรงพยาบาลสนามในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ความต้องการในสายสัญญาณ (Cabling) และอุปกรณ์ส่งสัญญาณ (Networking) เพื่อเชื่อมต่อระบบสื่อสารภายในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลต่อยอดขายที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งกระแสเทคโนโลยี 5G และการทำงานแบบ Work From Home ช่วยผลักดันให้ความต้องการในอุปกรณ์สายส่งสัญญาณของธุรกิจจัดจำหน่ายพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ภายในองค์กร ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อภาพรวมกำไรของธุรกิจจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น
ธุรกิจโทรคมนาคม (Telecom) มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสสองมีรายได้จากการให้บริการรวม 452.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.08% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (หลังหักรายการพิเศษ) และมีกำไรสุทธิจำนวน 47.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.90% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิหลังหักรายการพิเศษที่ 43.12 ล้านบาท โดยมีปัจจัยมาจากที่ธุรกิจสามารถผลักดันรายได้จากลูกค้าที่เข้ามาใช้งานบริการโครงข่ายได้เพิ่มมากขึ้น และสามารถรักษาฐานลูกค้าในปีก่อนไว้ได้ อันเนื่องมาจากประสิทธิภาพและเสถียรภาพของโครงข่าย การให้บริการที่เหนือกว่าคู่แข่งขันรายอื่นในตลาด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเสนองานใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเร่งนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติกมาพัฒนาโซลูชันใหม่ เช่น Smart CCTV, Drone &Anti-Drone เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ และการปรับกลยุทธ์ New S-curve จะส่งผลทำให้ภาพรวมของธุรกิจโทรคมนาคม เข้าสู่ช่วงเติบโตอย่างก้าวกระโดดในครึ่งปีหลังนี้
ธุรกิจวิศวกรรม (Engineering) ไตรมาสสองมีรายได้รวมอยู่ที่ 250.54 ล้านบาท ซึ่งมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากงานสำคัญๆ ในมือ (backlog) ของโครงการภาครัฐและเอกชนที่ปัจจุบันมีมากกว่า 1,300 ล้านบาท โดยงานบางส่วนที่ได้ลงนามสัญญาไปเมื่อเดือนกรกฎาคมและต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ไปจนถึงกลางปีหน้า อาทิ งานก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 33 เควี เกาะปันหยี จังหวัดพังงา มูลค่า 143.98 ล้านบาท, งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 3 สถานี ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่าย ระยะที่ 1 มูลค่า 531.70 ล้านบาท กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นส่วนของบริษัทฯ ทั้งสิ้น 366.03 ล้านบาท ประกอบกับงานโครงการ CC4 หรืองานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ที่รอรับรู้รายได้ที่เหลือทั้งหมดในครึ่งปีหลังนี้ อีก 385.10 ล้านบาท จะหนุนให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจวิศวกรรมในช่วงที่เหลือของปีเติบโตอีกกว่าเท่าตัว
ที่มา: อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น