ในปี 2564 ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเริ่มกลับมามียอดขายโดดเด่น ภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกแรก ดันธุรกิจ iCNG กลับมามียอดขายโตขึ้นต่อเนื่องอย่างก้าวกระโดด โดยในช่วงไตรมาสที่ 2 ทำรายได้ 264.3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 64.29% จากยอดขายรวมทั้งไตรมาส เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 24.3% สาเหตุมาจากลูกค้าภาคอุตสาหกรรมมีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งทำให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่หันมาใช้ iCNG ทำให้ความต้องการในการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น จากการที่เป็นเชื้อเพลิงสะอาดและราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงอื่น
อีกหนึ่งธุรกิจดาวเด่นของ SCN คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ที่ยังสร้างรายได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่องแม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดและการรัฐประหารก็ตาม ทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนราว 14.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 163 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างเฟสที่ 2 มีกำหนดแล้วเสร็จและ COD ในปี 2564 ซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก
ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ดำเนินการผ่านบริษัทย่อย "บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด" หรือ SAP เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ปัจจุบันบริษัทแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI นอกจากนี้บริษัท COD โครงการเพิ่ม 2 แห่ง และมีสัญญาในมือรวมกว่า 19 เมกะวัตต์ สร้างกำไรให้ SCN เพิ่มอีก 2.4 ล้านบาทในไตรมาสนี้ และคาดว่าจะได้สัญญาเพิ่มอีก 10 เมกะวัตต์ พร้อม COD เพิ่มเติม เพื่อสร้างผลประกอบการที่เติบโตในครึ่งปีหลังนี้ และคงเป้า 110 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ตามแผน
อีกทั้งบริษัทยังมีรายได้กว่า 34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 236.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 6.26 เมกะวัตต์ ในไทยที่ยังคงสร้างผลงานได้เป็นอย่างดี และยอดขาย Spare parts ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานโซลาร์รูฟท็อปที่ได้รับความสนใจอย่างฉุดไม่อยู่
ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่และซ่อมบำรุงรถโดยสารเชื้อเพลิง NGV จำนวน 489 คัน ทำรายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนหน้า จากงานซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV จำนวน 489 คันที่ดำเนินงานภายใต้กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO สามารถดำเนินงานตามเป้าหมาย มีการปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีรายได้ที่ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 94.6% ทั้งยังมีมูลค่าสัญญาซ่อมบำรุงรถโดยสารคงเหลืออีก 1,800 ล้านบาทที่พร้อมดำเนินการและรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องระยะยาว
ด้านธุรกิจขนส่ง ไม่น้อยหน้า จากที่บริษัทชนะการประมูลงานขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เสริมให้งานบริการขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มกำลังเป็น 360 ตัน/วัน ดันรายได้กลุ่มธุรกิจขนส่งให้แตะ New High ที่ 200 ล้านบาทตามที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ หรือเติบโตราว 24% จากปีก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจขนส่งเป็นอย่างดี มั่นใจในอนาคตจะมีงานใหม่ในมือแน่นอน นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังบริษัทปรับกลยุทธ์ในธุรกิจออกแบบ ผลิต ติดตั้ง รับเหมา และซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติ (EPC & Maintenance) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีงานเด่นจากธุรกิจใหม่ปีนี้ "บริษัท สแกน ไอซีที จำกัด" หรือ SCAN ICT ที่เจาะตลาดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร ในช่วงครึ่งปีแรกสามารถโกยงานได้กว่า 100 ล้านบาท และเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสนี้ ในครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมตัวเข้าประมูลงานกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้เสริมที่แข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง ด้านธุรกิจกัญชงแบบครบวงจรน้องใหม่ ที่ดำเนินงานผ่านบริษัทย่อย "บริษัท สแกน เมดิเฮิร์บ จำกัด" ได้ดำเนินการขอใบอนุญาตสำหรับการปลูกแล้ว จ่อยื่นขอใบอนุญาตอื่นเพิ่มเติม คาดเริ่มปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช่วงปลายปี 2564-ต้นปี 2565 กวาดรายได้กว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี
และเมื่อเร็วๆ นี้ SCN ยังได้มีผลงานชิ้นโบว์แดง ได้จับมือบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น Shizuoka Gas Company Limited (SZG) ร่วมลงทุนในบริษัทในเครืออย่าง บริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) ซึ่งภายหลังโอนทรัพย์สินแล้วจะมีมูลค่า 454 ล้านบาท โดย SZG เข้าซื้อหุ้นจำนวน 49% ด้วยมูลค่าเสนอซื้อทั้งโครงการกว่า 639 ล้านบาท ภายหลังจากการปิดดีล SCN จะได้รับเงินสดกว่า 313.1 ล้านบาท สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตได้ นอกจากนั้นการร่วมทุนครั้งนี้ถือเป็นการสร้างเครือข่ายก๊าซที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ที่จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าผู้ใช้ iCNG และ iLNG เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 รายต่อปี คาดทำรายได้ให้กับบริษัท TJN สูงถึง 1,500 ล้านบาทต่อปี และปูทาง SCN เติบโตสู่ระดับสากล
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2564 ธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบริษัทกลับมา Turn around จากจุดต่ำสุด มีปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น เสริมทัพด้วยพันธมิตรรายใหญ่จากญี่ปุ่นที่เข้ามาร่วมทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 639 ล้านบาท เพื่อเพิ่มยอดขายพุ่งสูงถึง 10,000 mmBTU จากปัจจุบันประมาณ 4,000 mmBTU คาดเห็นปริมาณและยอดขาย New High เมื่อเทียบกับช่วงก่อน เพื่อผลักดันธุรกิจก๊าซธรรมชาติให้ขยายสู่ระดับสากล อีกทั้งยังมีบรรดาลูกค้าในไทยหลายรายยังรุมจีบ เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซเพิ่มเติม นอกจากนี้ SCN เน้นสร้างธุรกิจที่มีสัญญาการดำเนินงานที่มั่นคง จนทำให้ครึ่งปีแรกเราสามารถทำรายได้รวม 897.5 ล้านบาทแล้ว มั่นใจว่าเป้าหมายแตะ 2,000 ล้านบาทในปี 2564 ไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยพันธมิตร ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มี และกลยุทธ์ของเราจะทำให้สามารถแข่งขันเพื่อคว้างานใหม่ๆ เพื่อสร้างผลประกอบที่ดีได้ตามเป้าแน่นอน
ที่มา: บางกอก ออทัม