GULF ประกาศกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 โต 42% จากปีก่อน หลังโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา หน่วยที่ 1 เปิดดำเนินการ

ศุกร์ ๑๓ สิงหาคม ๒๐๒๑ ๑๗:๓๔
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน เปิดเผยว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) จำนวน 1,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกำไรของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) หน่วยที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยมี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 88% ในไตรมาสนี้ ประกอบกับโครงการโรงไฟฟ้า 12 SPP ภายใต้กลุ่ม GMP และโครงการโรงไฟฟ้า 7 SPP ภายใต้กลุ่ม GJP ที่รับรู้ Core Profit เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็ก โดย 12 SPP มี Load Factor เฉลี่ยของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในไตรมาสนี้ เท่ากับ 63% เทียบกับ 51% ปีที่แล้ว ในขณะที่ 7 SPP มี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 66% ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 57% ในปีก่อน นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า 2 IPP ภายใต้กลุ่ม GJP ยังมีปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้น 148% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563 ส่งผลให้โรงไฟฟ้าเดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ในไตรมาส 2 ปี 2564 ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก PTT NGD จำนวน 63 ล้านบาท จากการที่ GULF เข้าไปลงทุนในสัดส่วน 42% ด้วย

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 Core Profit ในไตรมาสนี้ลดลง 989 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.4% เนื่องจากไม่มีการบันทึกเงินปันผลรับจาก INTUCH ในไตรมาสนี้ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล Borkum Riffgrund 2 (BKR2) มีปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาล ซึ่งไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นับเป็น low season เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 และ ไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็น high season ของพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเยอรมนี

ในไตรมาส 2 ปี 2564 GULF มีรายได้รวม (Total Revenue) 11,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,707 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.6% จากไตรมาส 2 ปี 2563 จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 ที่เปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2564 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ที่รับรู้รายได้ครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2563 อีกทั้ง ยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมของกลุ่ม GMP อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GTN1 และ GTN2 ที่ประเทศเวียดนาม ลดลงเล็กน้อยจากการจำกัดการรับซื้อไฟฟ้าชั่วคราว (Temporary Curtailment) เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม

อัตรากำไร EBITDA Margin ในไตรมาส 2 ปี 2564 เท่ากับ 35.6% เพิ่มขึ้นจาก 31.9% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 8.7% จากปีก่อน แม้ว่าค่า Ft เฉลี่ยจะลดลงก็ตาม

GULF มีกำไรสุทธิ (Net Profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 1,407 ล้านบาท ลดลง 25.2% เทียบกับผลกำไรสุทธิ 1,881 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563 เนื่องจากในปีก่อนมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Gain) จำนวน 892 ล้านบาท เทียบกับ 6 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปีนี้

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 GULF มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) เท่ากับ 1.75 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าข้อกำหนดสิทธิสำหรับหุ้นกู้ (Bond Covenant) ที่ 3.50 เท่า

นางสาวยุพาพิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ GULF ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แล้วเสร็จ ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้น INTUCH ทั้งสิ้น เท่ากับ 42.25% โดย GULF ได้ทำการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศทั้งสิ้นจำนวน 48,612 ล้านบาท โดย GULF มีแผนในการออกและเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ และชำระคืนเงินกู้ที่ใช้ในการซื้อหุ้น INTUCH ในบางส่วน นอกจากนี้ บริษัทฯ จะรับรู้เงินปันผลรับทันที ประมาณ 1,600 ล้านบาทในไตรมาส 3 นี้

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2564 GULF ยังมีโครงการที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเวียดนาม (Mekong Wind) ระยะที่ 1-3 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 128 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 ปีนี้, โครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 2 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่กำหนดเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2564, โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ประเทศโอมาน (DIPWP) จำนวน 326 เมกะวัตต์ ระยะที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ ที่จะเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 และโครงการ solar rooftop ภายใต้ Gulf1 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 20 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการภายในสิ้นปี ส่งผลให้ GULF มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งสิ้น 7,922 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2564

ที่มา: กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ