นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 65,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,195 ล้านบาท หรือ 27.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 315 ล้านบาท หรือ 43.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น มาจากรายได้จากการขายและบริการในส่วนธุรกิจน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วน 96.2% ของรายได้ทั้งหมด โดยเพิ่มขึ้น 27.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายน้ำมัน ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 17.5% ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นเป็น 2,626 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 204 ล้านลิตร หรือ 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนสถานีบริการ(ปั๊มน้ำมัน) ที่ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ
สำหรับรายได้ที่ไม่ได้มาจากธุรกิจที่ไม่ใช้น้ำมัน (Non-Oil) โดยรวมเพิ่มขึ้น 33.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจให้บริการขายแก๊ส LPG ในครึ่งปีแรก มีปริมาณการจำหน่ายแก๊สเพิ่มขึ้นเป็น 128 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 57 ล้านลิตร หรือ 80.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) แก๊ส LPG ผ่านทุกช่องทางเป็นอันดับ 4 ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, ร้านสะดวกซื้อ, ธุรกิจให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์และอื่นๆ มีการให้บริการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil ทั้งสิ้น 1,008 สาขา
แม้บริษัทฯ จะมีต้นทุนการขายและการบริการที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 59,908 ล้านบาท หรือ 29.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่การปรับราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการสอดคล้องกับราคาต้นทุนน้ำมัน ทำให้ค่าการตลาดช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 5,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรก่อนหักภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 3,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 447 ล้านบาท หรือ 15.7%
"จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ โดยรักษามาร์เก็ตแชร์การจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ที่ 18.7% ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของพีทีจียังคงเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม โดยมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG กว่า 2,114 สาขา กระจายกันอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ สัดส่วนหลักอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีผู้ใช้บริการทั้งกลุ่มรถยนต์, กลุ่มผู้ใช้รถการเกษตรและขนส่ง รวมถึงการเติบโตในธุรกิจแก๊ส LPG ที่ยังคงโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดแก๊ส LPG ผ่านสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ที่ 16.4% จากการปรับแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งนี้ ที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะจบลงเมื่อไร ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 บริษัทฯ ได้ประมาณการตัวเลขต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และเพื่อรักษากระแสเงินสดไว้" นายพิทักษ์ กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้ปรับประมาณการและเป้าหมายในการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง โดยปรับลดการขยายสาขาและการลงทุน จากงบลงทุนทั้งหมด 4-5 พันล้านบาท เหลือ 3-3.5 พันล้านบาท ลดการขยายสาขาทั้งหมด จาก 3,160 เหลือ 3,030 สาขา รวมถึงได้ปรับการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งปี ลดลงเหลือ 5-8% จากเดิมที่คาดไว้โต 8-12% ส่งผลให้การเติบโตของ EBITDA ลดลงอยู่ที่ 8-12% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 10-15% แต่ ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG มากว่า 100% โดยเน้นการให้บริการธุรกิจ LPG ครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม
ที่มา: เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น