ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 (เมษายน - มิถุนายน 2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 66.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.84% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 329.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 177.45 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบจากสถานการณ์ดังกล่าว
สำหรับผลกระทบทางบวก คือ เกิดความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์จากบุคคลทั่วไปและบริษัทเอกชนจำนวนมาก รวมถึงโรงพยาบาลเอกชนเกิดการลงทุนเพิ่มจำนวนเตียง ICU และ Semi-ICU เพื่อรองรับผู้ป่วย COVID-19 ที่มีจำนวนมากขึ้น ทำให้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเป็น 34.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 27.71%โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นที่นิยมยังคงอยู่ในกลุ่มเวชบำบัดวิกฤต และกลุ่มการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการรักษาโรคโควิด-19 ขณะที่ผลกระทบทางลบ ทำให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการพิจารณาใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง การทำสัญญา และการส่งมอบสินค้า รวมถึงการประสานงาน เนื่องจากลูกค้าและหน่วยงานต่างๆ มีมาตรการ Work From Home เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2564) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 485.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 289.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ
74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 28.8 ล้านบาท ปัจจัยหลักของผลการดำเนินงานที่ดีและมีอัตรากำไรสูงขึ้น เป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากการขาย หลังจากที่บริษัทฯ ส่งมอบสินค้าได้ตามเป้าหมาย ประกอบกับสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น แม้ได้รับแรงกดดันจากค่าปรับจากการส่งมอบสินค้าล่าช้า และรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้หลักจากกลุ่มสินค้าด้านเวชบำบัดวิกฤต คิดเป็นสัดส่วน 41.82% กลุ่มสินค้าด้านการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ 37.955% กลุ่มสินค้าด้านหทัยวิทยา 10.89% กลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไป 3.55% กลุ่มสินค้าสมาร์ทฮอสพิทอล 4.88% และกลุ่มอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน 0.91% ซึ่งมีฐานลูกค้าหลัก คือ กลุ่มโรงพยาบาลรัฐคิดเป็น 66.75% เนื่องจากภาครัฐได้จัดสรรงบประมาณเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่มีความจำเป็นต่อการรักษาโรค COVID-19
ล่าสุด SMD ได้นำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินจำนวน 60.00 ล้านบาท ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง รวมถึงอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 0.60 เท่า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMD กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปี 2564 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อน ที่มีรายได้ 661.19 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 300 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้กว่า 95% ของมูลค่างานทั้งหมด ประกอบกับแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ SMD เป็นตัวแทนจำหน่ายยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและมีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น ทำให้เครื่องมืออุปกรณ์ช่วยการหายใจและการช่วยชีวิตมีความจำเป็นอย่างมาก โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ เตรียมพร้อมเข้าร่วมประมูลงานเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมาย
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย