นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการขายวัสดุทางการแพทย์ ที่มีฐานตลาดส่งออกหลักในต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา และ ยุโรป สนใจในธุรกิจทางด้านplastic products for medical ของบริษัทฯ หลังจากที่บริษัทฯแตกไลน์ธุรกิจขยายการลงทุน ด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กลุ่ม Medical เครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้ง โดยเล็งเห็นว่า ธุรกิจของบริษัทฯ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับ PJW ได้อย่างเติบโตอย่างยั่งยืน และที่สำคัญยังเปิดโอกาสเพื่อต่อยอดโครงการสร้างการเติบโตแบบ New S-curve ในอนาคตอีกด้วย
ต่อกรณีดังกล่าว ส่งผลให้ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ครอบครัว "เหมมณฑารพ" ได้ขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ (PJW-W1) เป็นรายการบิ๊กล็อต จำนวน 82,484,312 หน่วย ให้กับกลุ่มพันธมิตรในข้างต้น เนื่องเล็งเห็นช่องทางและโอกาสในการขยายฐานการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์พลาสติกทางการแพทย์ของบริษัทฯเพื่อไปเจาะตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และ ยุโรป ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับ PJW และบริษัทย่อย บริษัท พีเจ เมดิคอล จำกัด (PJM) ให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในโซนกลุ่มประเทศดังกล่าวได้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากกลุ่มฐานลูกค้าประเทศภูมิภาคอาเซียน ซึ่งบริษัทฯมีพันธมิตรหลัก อย่าง บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในกลุ่มประเทศดังกล่าวอยู่แล้ว
"ทั้งนี้ยอมรับว่า พันธมิตรรายดังกล่าวได้เข้ามาพูดคุยกับตนเอง เพื่อขอซื้อหุ้นจากครอบครัว 10% แต่เป็นการเข้ามาพูดคุยหลังจากที่ได้ออก PJW-W1 ไปแล้ว ดังนั้นครอบครัวจึงไม่ต้องการที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลง จึงได้ตัดสินใจขาย PJW-W1 ให้ทดแทน สำหรับราคาขาย PJW-W1 อยู่ที่ 1.80 บาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าราคาปิดในกระดานวันแรก(17 ส.ค.64) ที่ราคา 1.22 บาท โดยได้ใช้ราคาอ้างอิงจากการกำหนดราคาพื้นฐานของนักวิเคราะห์ และมีส่วนลดให้เล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย"
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการขายบิ๊กล็อต PJW-W1ดังกล่าว แต่ครอบครัว "เหมมณฑารพ" ก็ยังคงถือครองหุ้น PJW-W1 อีกกว่า 40 ล้านหน่วย ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งสามารถใช้สิทธิในการแปลงสภาพในอนาคตได้ ทั้งนี้บริษัทฯยังคงยืนยันว่าการต่อยอดธุรกิจดังกล่าวจะอิงกับผลประโยชน์ของบริษัทฯและผู้ถือหุ้น เป็นสำคัญ "นายวิวรรธน์ กล่าว
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์