นายสุทธิพงศ์ กนกากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บล็อคฟินท์ จำกัด กล่าวว่า "เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับบริษัทที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่าง Convergence.Tech ในการทำแพลตฟอร์ม Digital Credential ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อรับรองข้อมูลในด้านการศึกษาตามมาตรฐานระดับโลก เพราะจะช่วยในเรื่องความสะดวกรวดเร็ว ความปลอดภัยของข้อมูลที่ไม่สามารถปลอมแปลงเอกสารได้ ใช้งานง่าย สามารถแชร์ข้อมูลประกาศนียบัตรดิจิทัลนี้ไปใช้ตามแพลตฟอร์มอย่าง LinkedIn ได้เลย อีกทั้งยังประหยัดเวลาในการยื่นคำร้องเพื่อออกเอกสารและรับรองสำเนา เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติด้านการออกเอกสารของแวดวงการศึกษาไทย"
Digital Credential หรือ ประกาศนียบัตรดิจิทัล คือประกาศนียบัตรที่มีการใช้ตราสัญลักษณ์และหนังสือรับรองที่ตรวจสอบได้ (Verifiable Credential) ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในโลกดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่าการรับรองเอกสารแบบดิจิทัลที่ไม่เคยมีมาก่อน และป้องกันการใช้เอกสารโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ออกเอกสาร โดยปัจจุบันมีการใช้งาน Digital Credential อย่างแพร่หลายในแวดวงการศึกษาชื่อดังหลายแห่งทั้งระดับมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียน และหน่วยงานด้านการศึกษาอื่น ๆ ใน 12 ประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย แคนาดา อังกฤษ อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา
Chami Akmeemana, ประธานกรรมการบริษัท Convergence.Tech ผู้นำเทคโนโลยีด้านประกาศนียบัตรดิจิทัล กล่าวว่า การเข้ามาเปิดตลาด Digital Credential ในประเทศไทยร่วมกับบล็อคฟินท์ในครั้งนี้ ทาง คอนเวอร์เจนซ์ เทค รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะบล็อคฟินท์เป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านแพลตฟอร์มการยืนยันตัวตนแบบดิจิทัล หรือ National Digital ID (NDID) ในโครงการใหญ่ ๆ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงินและหน่วยงานภาครัฐชั้นนำของประเทศไทยมาก่อน และจะเป็นโอกาสสำคัญในการเติบโต และสร้างการยอมรับ Digital Credential ในวงกว้างยิ่งขึ้น
ในการออก Digital Credential ของสถานศึกษาสามารถออกประกาศนียบัตรได้ทันที ตรวจสอบได้ทั้งแบบ real time และ offline โดยตัวประกาศนียบัตรจะแนบข้อมูลรายละเอียดครบถ้วน ทั้งวิชาและผลการเรียน และเชื่อมต่อกับระบบที่ให้ความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการเข้ารหัส ด้วยเทคโนโลยี blockchain ทำให้ไม่สามารถปลอมแปลงข้อมูลได้ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสถาบันด้วยตราสถาบันที่อยู่ในประกาศนียบัตรดิจิทัล
ส่วนผู้เรียน หรือนักศึกษาจะได้สิทธิ์ในการควบคุมข้อมูล โดยสามารถใช้งานคู่กับกระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนตัว ไม่ต้องดาวน์โหลดแอป หรือลงทะเบียนใช้งานให้ยุ่งยาก แต่สามารถแชร์ไปยังแพลตฟอร์มที่ยื่นสมัครงานได้เลย เช่น LinkedIn ของนายจ้างหรือสมัครเรียนต่อต่างประเทศได้ทันที ทำให้ประหยัดเวลาในการขอคำร้องออกเอกสารและรับรองสำเนา และยังเปิดกว้างให้สามารถเพิ่มตราและประกาศนียบัตรอื่น ๆ ลงในกระเป๋าเงินดิจิทัลใบเดียวกันได้
ปัจจุบัน Digital Credential ของ Convergence.Tech ได้มาตรฐานที่รับรองโดย The Digital Credentials Consortium (DCC) ซึ่งมีมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Harvard, Berkeley, MIT และอื่น ๆ อีกจำนวนมากเป็นสมาชิก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนมาตรฐานจากกลุ่มเครือข่าย T3 Innovation ที่สนับสนุนโดยบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึง Google, Walmart และ Microsoft ทำให้ประกาศนียบัตรดิจิทัลนี้เป็นที่ยอมรับไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย
ที่มา: บีโอดับเบิลยู