สไกร พิมพ์บึง เลขากองทุนฟื้นฟูฯ คนใหม่ เปิดเกมรุกช่วยเกษตรกรสมาชิกกำหนด 4 กลุ่มเป้าหมายเพื่อช่วยแก้หนี้และฟื้นฟูอาชีพ พร้อมปรับให้บริการแบบ one stop service

จันทร์ ๒๓ สิงหาคม ๒๐๒๑ ๐๙:๐๓
นายสไกร พิมพ์บึง  เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางการบริหารและขับเคลื่อนการทำงานหลังจากที่ได้เข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ในส่วนของการบริการแก่เกษตรกรสมาชิก จะเน้นพัฒนาระบบการบริหารงานของสำนักงานกองทุน ที่ทั้งในส่วนของสำนักงานใหญ่  สำนักงานภูมิภาคทั้ง 4 แห่ง และสำนักงานสาขาจังหวัด 77 สาขา ให้เป็นการบริการเกษตรกรในรูปแบบ  one stop service แต่อย่างไรก็จากนโยบายของรัฐบาลที่เน้นให้หน่วยงานปฏิบัติงานแบบ work from home ตามนโยบายรัฐบาล ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากระบบการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆให้มากที่สุด

" ขณะที่ด้านการฟื้นฟู ปัจจุบันกองทุนฟื้นฟูฯ มีองค์กรเกษตรกรที่เป็นสมาชิก 56,000 กว่าองค์กร รวมจำนวนเกษตรกรสมาชิกประมาณ 540,000 คน ดังนั้นเพื่อให้การบริการและแก้ไขปัญหาประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย จึงจัดแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ หนึ่ง องค์กรที่ได้รับการสนับสนุนประเภททั้งเงินอุดหนุนและเงินกู้ยืม  มีประมาณ 11,000 องค์กร ครอบคลุมเกษตรกรสมาชิกประมาณ 500,000 กว่าราย กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้เข้าถึงการให้บริการของกองทุนฟื้นฟูฯ ต่อไปจะต้องนำมาวิเคราะห์ถึงผลสำเร็จว่า กลุ่มไหนประสบความสำเร็จแล้ว และกลุ่มไหนยังต้องการพัฒนาเพิ่มเติม ส่วนกลุ่มที่ สอง เป็นกลุ่มองค์กรที่กำลังยื่นแผนและโครงการ ซึ่งมีประมาณ 1,640 กว่าองค์กร ครอบคลุมเกษตรกรประมาณ 500,000 กว่าคน กลุ่มนี้ต้องเร่งสนับสนุนและดำเนินการเรื่อง การพิจารณากลั่นกรองแผนโครงการและงบประมาณ "

" สำหรับกลุ่มที่ สาม เป็นกลุ่มองค์กรที่กฎหมายบังคับไว้ว่าเกษตรกรรายใดที่กองทุนเข้าไปแก้ปัญหาหนี้หรือจัดการหนี้แล้ว มีจำนวนประมาณ 30,000 กว่าคน ในกลุ่มนี้จะได้เข้าไปช่วยผลักดันให้เกิดการเสนอแผนฟื้นฟูหลังจากเข้าสู่การจัดการหนี้แล้วตามที่กฎหมายกำหนด และกลุ่มที่ สี่ เป็นกลุ่มที่ขึ้นทะเบียนไว้ตั้งแต่ปี 2544 แต่ไม่มีการเคลื่อนไหว จากนั้นไปจะต้องดำเนินการประสานต่อว่าจะมีความประสงค์ในการร่วมกิจกรรมของกองทุนฟื้นฟูฯ ต่อไปอย่างไร"

นายสไกร กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้การทำงานของกองทุนฟื้นฟูฯ จะมีข้อจำกัดมากมาย โดยเฉพาะด้านงบประมาณเพื่อการดำเนินงาน ซึ่งในปีงบประมาณ 2565 นี้สำนักงานงบประมาณ ยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณดำเนินการให้ เพราะตามพระราชบัญญัติกำหนดว่า หากมีทุนหมุนเวียนหรือมีสภาพคล่องเกิน 1,000 ล้านบาท สำนักงบประมาณจะไม่จัดสรรงบประมาณให้ แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณให้ขอสนับสนุนจากงบกลาง ดังนั้นในการจัดการหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรสมาชิก จะต้องดำเนินการของบกลางเข้ามาเพิ่มจากงบประมาณปกติที่ได้รับที่แต่ละปีจะได้รับการจัดสรรงบประมาณมาประมาณ 607 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าไม่เพียงพอ แต่กองทุนฟื้นฟูฯจะดำเนินการอย่างเต็มที่ภายใต้แผนงานที่กำหนดไว้

ที่มา: สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO